บจ.แจกข่าวดีงัดราคาหุ้น CRC-MINT-TKN-BBL

HoonSmart.com>>ไวรัสโควิด-19 พ่นพิษหุ้นโลกต่อ ไทยเหวี่ยงขึ้นลงวันเดียวกว่า 30 จุด  ปิดบวก 3 จุด สถาบันซื้อกลับ 3,000 ล้านบาท เมย์แบงก์ฯแนะเลือกซื้อหุ้นราคาต่ำ เป้าดัชนี 1,470 จุด เอเซียพลัสไม่แนะนำเล่นสั้น ลงทุนชอบ MCS-CPALL เลี่ยง CRC กังวลห้างอิตาลีติดไวรัส เคทีบีฯ เชียร์ GULF-RATCH-EGCO- ADVANC บจ.แห่แจกปันผล โปรยข่าวดี เซ็นทรัล รีเทลฯเด้งรับข่าว เข้า SET 50-100 คาดกองทุนเพิ่มน้ำหนัก 1,350 ล้านบาท MINT ฟื้น เตรียมงบ 1,100 ล้านบาท ผนึกพันธมิตรซื้อ BreadTalk ในสิงคโปร์  “ชาติศิริ “ซื้อ BBL อีก 1 แสนบาท บล.บัวหลวงแนะนำซื้อธนาคารกรุงเทพ สินเชื่อแบงก์ทั้งระบบ ม.ค.โต  0.5%

วันที่ 25 ก.พ. 2563 หุ้นโลกยังคงได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ลุกลาม ตลาดเอเชียมีบวกลบคละกัน ญี่ปุ่นร่วงต่อกว่า 3% หุ้นไทยผันผวนสูง เช้าติดลบเฉียด 20 จุด กดต่ำสุด 1,416.63 จุด ภาคบ่ายไล่ขึ้นไป 11 จุดก่อน ปิดที่ 1,439.10 จุด บวก 3.54 จุด หรือ 0.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 80,844 ล้านบาท ฝีมือสถาบันไทยกลับมาซื้อ 3,279 ล้านบาท จากขายหนักกว่า 4,000 ล้านบาทเมื่อวาน แต่ต่างชาติยังคงขายต่อ 1,256 ล้านบาท พอร์ตบล.ทิ้ง 2,447 ล้านบาท รายย่อยซื้อเพียง 424 ล้านบาท  กลุ่มพลังงานเด่น โดยเฉพาะครอบครัวปตท.เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นหลายบริษัท เช่น IRPC ปิดที่ 2.58 บาท บวก 1.57%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) , นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)มองตรงกัน หุ้นรีบาวด์ระยะสั้น ยังต้องรอติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยนายวิจิตรแนะนำว่า หุ้นลงมามากจนน่าสนใจ ดัชนีมีโอกาสจะขยับสู่ 1,470 จุดได้ ควรซื้อหุ้นที่มีราคาปรับลงมามาก

นายชาญชัย แนะนำว่า ช่วงนี้ไม่เหมาะลงทุนในระยะสั้น  จึงแนะนำลงทุนในระยะกลางถึงยาว กลุ่มจ่ายปันผลสูง เช่น MCS หุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง CPALL และถือเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ราคาปรับลงมามาก

ส่วนหุ้นบริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC)ปรับลงมามาก จากราคา IPO ที่ 42 บาท นายชาญชัย มองว่าเป็นผลจากข่าวที่มีผู้ติดไวรัสโควิด-19 ในบริเวณห้างสรรพสินค้าที่ประเทศอิตาลีของ CRC 2 แห่ง จาก 9 แห่ง แนะนำว่า นักลงทุนยังไม่ควรซื้อ เพราะยังมีความกังวลอยู่ ส่วนที่ถืออยู่ ควรรอจังหวะฟื้น ราคานี้ไม่ควรขาย เมื่อราคากลับสู่ปกติ ศึกษาปรับกลยุทธ์ควรขายออกหรือเก็บไว้

นายมงคล   กล่าวว่า หุ้นยังคงผันผวนต่อปัจจัยลบ ดัชนีปิดเหนือ 1,430 จุดได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีอยู่ ช่วงนี้แนะนำหุ้นกลุ่มพลังงาน ได้แก่ GULF ,RATCH และ EGCO รวมถึงกลุ่มโทรคมนาคม คือหุ้น ADVANC เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีการเติบโตที่ดี และมั่นคง ส่วน CRC ที่ปรับตัวลงมามากเกิดจากหลายปัจจัย ยังไม่แนะนำให้ซื้อ ควรรออีกประมาณ 1 เดือนขึ้นไป  ต้องติดตามผลการซื้อกิจการของ Tesco หุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกับ CRC แนะนำให้ซื้อ CPALL เนื่องจากมีความมั่นคง ราคาปรับลงมาในระดับน่าซื้อเข้าพอร์ต

บล.โนมูระพัฒนสินเปิดเผยว่า หุ้น CRC เริ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนี 50-100 มีผลวันที่ 25 ก.พ. 2563 คาด Passive Fund ซื้อเพิ่มประมาณ 1,350 ล้านบาท และ MSCI Passive Fund จะนำเข้าคำนวณ 28 ก.พ.63

ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 21 ก.พ.ได้ซื้อหุ้น BBL จำนวน 1 แสนหุ้น ราคาหุ้นละ 140.75 บาท ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อจำนวน 1.5 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ย 141.33 บาท/หุ้น

บล.บัวหลวงให้น้ำหนักกลุ่มแบงก์เท่ากับตลาด แนะนำซื้อ BBL และ TISCO จากแนวโน้มกำไรและการบริหารคุณภาพสินเชื่อที่ดี อัตราผลตอบแทนปันผลสูงกว่า 4% หลังจากสินเชื่อเดือนม.ค.เติบโตเล็กน้อย 0.5% จากเดือนธ.ค.2562 มาอยู่ที่ 10.3 ล้านล้านบาท นำโดย BAY, KKP ,BBL และ KTB คาดกำไรรวมไตรมาส 1 อยู่ที่ 4.83 หมื่นล้านบาท ลดลง 8.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 16.8% จากไตรมาส 4/2562 กำไรของ TMB,KKP,SCB,KTB,และBBL จะขยายตัว จากสินเชื่อเติบโตเล็กน้อยและสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง

แนวโน้มสินเชื่อยังคงอ่อนตัวในไตรมาส 1 แต่คาดว่าจะฟื้นตัวแรงในครึ่งปีหลัง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่น้อยลงจากครึ่งปีแรก ขณะเดียวกันธนาคารส่วนใหญ่ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญสำหรับ TFRS9 ไว้มากกว่าที่ธปท.กำหนด ซึ่งจะเป็นอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรในปี 2563 หากเศรษฐกิจฟื้นตัว

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) แจ้งว่า บริษัทย่อยในสิงคโปร์ได้ร่วมกับพันธมิตรซื้อกิจการ BreadTalk Group Ltd. (BTG) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ในส่วนบริษัทใช้เงินลงทุน 1,100 ล้านบาท  ทั้งนี้ BreadTalk มีร้านเบเกอรี่ร้านอาหาร ด้วยร้านค้าปลีกถึง 1,000 แห่งกระจายอยู่ทั่ว 17 ดินแดนพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ประกอบด้วย BreadTalk, Toast Box, Food Republic, Din Tai Fung, Breadสังคม, Thye Moh Chan, ห้อง Icing, Carl’s Jr. ในประเทศจีน, Sō Ramen และ RamenPlay กลุ่มมีเครือข่ายร้านเบเกอรี่ที่เป็นเจ้าของในสิงคโปร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย ฮ่องกงและไทย

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ ( TKN ) เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทฯ มีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก และขยายไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ร่วมกับแต่งตั้ง ‘โอริออน กรุ๊ป’ ผู้แทนจำหน่ายสินค้ารายใหม่เพียงรายเดียวในประเทศจีน ส่วน ในประเทศไทยเน้นทำตลาดสินค้าสาหร่ายทอด ที่เป็นรายได้หลัก จากปีก่อนมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท

ทางด้านผลงานปี 2562  TKN มีรายได้รวม 5,297 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 5,461 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 361 ล้านบาท ชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากยอดขายที่ชะลอตัวในช่วงไตรมาส 2-3 แต่เริ่มมีกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากราคาสาหร่ายใหม่ และมีการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์จากการปิดสายการผลิตสาหร่ายอบในสหรัฐอเมริกา โดยเปลี่ยนเป็นการจ้างผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายแทน เพื่อลดการขาดทุนจากบริษัทฯในเครือในปี 2563  บอร์ดมีมติจ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ0.15 บาท รวมทั้งปีจ่าย 0.26 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 359 ล้านบาท

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) กล่าวว่า ปี 2563 บริษัทฯตั้งงบลงทุนรวม  200 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาใช้งบ 300 ล้านบาท  เพื่อเปิดร้านอาหารภายใต้โมเดลแฟรนไชส์รวม 100-150 สาขา  บริษัทมุ่งพัฒนาความสามารถในการทำกำไรของสาขาที่มีอยู่แล้ว 345 สาขา ควบคู่กับการเน้นขยายสาขาด้วยโมเดลแฟรนไชส์ และบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยผลักดันรายได้และอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น

ในปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 3,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากการขยายสาขาใหม่ ถึง 100 สาขา มากที่สุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจ แต่กำไรสุทธิลดลง 24% เหลือ 106.2 ล้านบาท หลังหักรายการพิเศษ มีกำไรสุทธิลดลง 7% สาเหตุหลักมาจากรายได้ของสาขาเดิม (SSSG) ติดลบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว