BGRIM ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% อัดงบลงทุน 5 ปี 6.3 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>> “บี.กริม เพาเวอร์” ตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 10-15% โรงไฟฟ้า COD เพิ่ม 2 โครงการ รับรู้โครงการเดิมเต็มปี ส่วนดีลซื้อกิจการใกล้สรุป พร้อมตั้งงบลงทุน 5 ปี วงเงิน 6.3 หมื่นล้านบาท หนุนกำลังผลิตรวมแตะ 5,000 เมกะวัตต์

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2563 เติบโต 10-15% จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเพิ่ม 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่บ่อทอง มุกดาหาร กำลังผลิต 16 เมกะวัตต์ สามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือนก.ย.2563 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ศรีโสภณ ประเทศกัมพูชา กำลังผลิต 39 เมกะวัตต์ เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนต.ค.2563 รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าประเภท SPP ที่จะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ให้เติบโตอีกด้วย

ในส่วนของโครงการที่กำลังศึกษาการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ กำลังการผลิตรวม 600-650 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในรูปแบบการซื้อกิจการ และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งแบ่งเป็นโรงไฟฟ้าประเภท SPP ในไทยจำนวน 400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มาเลเซีย 200-250 เมกะวัตต์คาดจะได้ข้อสรุปภายในเร็วๆนี้

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กำลังศึกษาเพิ่มเติมได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เกาหลี กำลังการผลิต 36 เมกะวัตต์ และมีโอกาสที่จะพัฒนากำลังการผลิตสูงสุดได้ถึง 100 เมกะวัตต์ รวมถึงโซลาร์ ฟาร์ม ที่ประเทศฟิลิปปินส์

นางปรียนาถ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายใน 5 ปี (2564-2568) บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตรวมของโรงไฟฟ้าทั้งหมด 5,000 เมกะวัตต์ และคาดว่าสิ้นปี 2563 บริษัทจะมีโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟเข้าระบบเกิน 3,000 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ที่อยู่ในระดับ 2,896 เมกะวัตต์

ส่วนงบลงทุนในช่วง 5 ปี (2564-2568) ตั้งไว้ประมาณ 63,000 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตทำการขายไฟฟ้า กำลังผลิต 3,424 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนเงินกู้ 70-75% โดยเงินกู้จะมาจากโปรเจคไฟแนนซ์ในไทย และการออกหุ้นกู้ และเงินทุนของบริษัทฯ 25-30%

นอกจากนี้ในช่วงกลางปี 2563 บริษัทฯ มีแผนจะออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะรอภาวะเหมาะสมของอัตราดอกเบี้ย และความจำเป็นในการใช้เงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.91 เท่า โดยมีนโยบายจะควบคุมให้ไม่เกินระดับ 2 เท่า ซึ่งทำให้เห็นถึงความสามารถในการที่บริษัทฯ ยังมีความสามารถในการกู้เงินเพื่อนำมาลงทุนในการขยายธุรกิจได้