‘นิติ โอสถานุเคราะห์’ เก็บ MINT 130 ลบ. ราคา 29 บาท-เป้า DBS 38 บาท เคทีบี 32 บาท

HoonSmart.com>>นักลงทุนรายใหญ่”นิติ โอสถานุเคราะห์” ซื้อหุ้น ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลอีก 4.5 ล้านหุ้น กอดหุ้นทั้งหมด 374 ล้านหุ้น บล.ดีบีเอสฯประเมินโควิด-19 เป็นลบชั่วคราว มาตรฐานบัญชีTFRS 16 กระทบมากกว่า กดกำไรเหลือ 4,500  ล้านบาทปี 63  บล.เคทีบีรอฟื้นไตรมาส 2  ลุ้นกำไรพิเศษจากการหาโอกาสขายสินทรัพย์ที่มีอยู่    

นาย นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ แจ้งว่า วันที่ 3 มี.ค. 2563 ได้ซื้อหุ้นบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) จำนวน 4.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 29 บาท รวมเป็นเงิน 130.50 ล้านบาท ทำรายการผ่านบล.ภัทร ส่งผลให้มีหุ้นทั้งสิ้น 374,494,851 หุ้น

ก่อนหน้านี้ นายนิติเก็บหุ้น MINT จำนวน 3.55 ล้านหุ้น เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 29 เม.ย.2562 ที่มีชื่อนายนิติถือหุ้นใหญ่อันดับที่สี่ จำนวน 365.95 ล้านหุ้น สัดส่วน 7.92%ของทุนเรียกชำระแล้ว

สำหรับนายนิติเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในหลายบริษัท โดยเฉพาะ OSP ถือมากเป็นอันดับที่สอง จำนวน 489 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.28% มูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากราคาหุ้นที่ 42.50 บาท ณ วันที่ 6 มี.ค.2563 นอกจากนี้ยังถือหุ้นอันดับที่สี่ของ HMPRO 621 ล้านหุ้นหรือ 4.73% อันดับที่สาม CENTEL 36 ล้านหุ้นหรือ 2.68% อันดับที่สิบเอ็ด CPN 49 ล้านหุ้น หรือ1.10% สัดส่วน   BKI 2 ล้านหุ้น 2.09% SE-ED 4 ล้านหุ้น 1.13% SNP 4 ล้านหุ้น 0.98%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” MINT ให้ราคาเป้าหมาย 38 บาท/หุ้น แม้ว่า TFRS 16 กดดันกำไรปี 2563 ลดลงเป็น 4,500 ล้านบาทก็ตาม

ส่วนการแพร่ระบาดโควิด-19 จะเป็นลบกับบริษัทชั่วคราว แต่แนวโน้มธุรกิจระยะยาวยังแข็งแกร่ง ด้วยแผนการขยายธุรกิจทั้งโรงแรมและอาหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ซื้อสิทธิ์หลักในการบริหารแฟรนไชส์ ร้านอาหาร Bonchon ในประเทศไทย ด้วยเม็ดเงินในการลงทุนเพิ่มที่ 2,480 ล้านบาท

บล.ดีบีเอสฯ คาดอัตราการเติบโตกำไรหลักปี 2563 และ 2564 เป็น -12% และ+25.6% ตามลำดับ โดยได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลงในอัตรา -26.4%และ -21.0% ตามลำดับ สะท้อนผลกระทบจาก TFRS16 ที่นำมาใช้ตั้งแต่ ม.ค.2563 มีเนื้อหาสำคัญคือ การเช่าที่มากกว่า 1 ปี จะถือว่าเป็น Financial Lease จากเดิมที่เป็น Operating Lease จะมีการคิดการตัดจำหน่ายและต้นทุนการเงิน เทียบกับเดิมบันทึกเป็นค่าเช่า ขณะที่บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่สูงอยู่แล้ว ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายสูงเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามรายการนี้ไม่ได้เป็นเงินสด จึงไม่มีผลกระทบกับการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี DCF จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนราคาพื้นฐาน

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท ราคาลดลงสะท้อนกำไรไตรมาส 1/2563 ที่หดตัวแรงจากโควิด-19 ไปมากแล้ว รอลุ้นฟื้นตัวในไตรมาส 2

จากการประชุมนักวิเคราะห์ บล.เคทีบีฯมีมุมมองเป็นกลาง แม้ว่าผู้บริหารจะมองผลกระทบจากโควิดไม่มากนัก เพราะไตรมาส1 เป็นช่วงโลซีซั่นอยู่แล้ว ยังคงคาดการเติบโตของกำไรใน 5 ปีข้างหน้าที่ระดับ 15-20% ต่อปี ส่วนบล.เคทีบีฯคาดกำไรปกติ5 ปี โตเฉลี่ย 10% ต่อปี สำหรับการเข้าลงทุนใน Bonchon เพิ่มเติม คาดว่าจะมีผลต่อกำไรไม่มาก จากการตั้งเป้าจะขยายสาขาเป็น 150 สาขาภายใน 5 ปี

ประเด็นเรื่อง TFRS16 มีผลกระทบสูงถึง 1,700 ล้านบาท มากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 1,000 ล้านบาท แต่ยังคงประมาณการกำไรปกติในปีนี้อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท ลดลง 36%

ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 12% เกิดจากผลกระทบเรื่องโควิด และแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 1 มีโอกาสต่ำกว่าตลาดคาดไว้ คาดว่าราคาหุ้นจะยังคงได้รับแรงกดดันจากโควิด แต่จะกลับมาดีขึ้นหากสถานการณ์การติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจนหรือมีการคิดค้นยารักษาได้ อย่างไรก็ตามมี upside จากการที่ MINT หาโอกาสในการขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ ซึ่งมีโอกาสบันทึกเป็นกำไรพิเศษได้