CPNREIT เปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน 13-23 มี.ค. โควิด-19 กระทบจำกัด

HoonSmart.com>> กองทรัสต์ CPNREIT เตรียมเปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมไม่เกิน 665.62 ล้านหน่วย ราคา 32.00 – 33.00 บาทต่อหน่วย เสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม CPNREIT และ GLANDRT วันที่ 13-17 มี.ค.นี้ ส่วนประชาชนทั่วไปจองซื้อ 19-23 มี.ค. นำเงินลุยลงทุนทรัพย์สิน 6 แห่ง พร้อมประเมินไวรัสโควิด-19 กระทบระยะสั้นและค่อนข้างจำกัด ด้าน CPN ในฐานะ Sponsor และผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหญ่พร้อมเพิ่มทุน

น.ส.วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) ได้รับการอนุมัติการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และแบบแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) มีผลใช้บังคับแล้ว

ล่าสุด CPNREIT ได้เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 665.62 ล้านหน่วย ที่ราคาเสนอขายเบื้องต้น 32.00 – 33.00 บาทต่อหน่วย แบ่งเป็น 1) การจัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมประมาณ 75% ของหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมทั้งหมด หรือประมาณ 499.22 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ CPNREIT ตามสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ โดยกำหนดอัตราจองซื้อที่ 4.4319 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 1 หน่วยทรัสต์เพิ่มเติมของ CPNREIT

2) จัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม CPNREIT ประมาณ 25% ของหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมทั้งหมด หรือประมาณ 166.40 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ GLANDRT ตามสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ โดยกำหนดอัตราจองซื้อที่ 3.0034 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 1 หน่วยทรัสต์เพิ่มเติมของ CPNREIT โดยจะเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ CPNREIT และ GLANDRT ที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ (Book Closure Date) ณ วันที่ 27 ก.พ.2563 ตามสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ CPNREIT และ GLANDRT ที่มีสิทธิดังกล่าว จะจองซื้อตามสิทธิหรือเกินกว่าสิทธิหรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรได้

และ 3) จัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมส่วนที่เหลือจากการเสนอขายในส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) ตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ กำหนดการเปิดจองซื้อ วันที่ 13, 16 และ 17 มี.ค. (จนถึงเวลา 15.30 น.) สำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขา บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และธนาคารกรุงไทยทุกสาขา และวันที่ 19-20 และ 23 มี.ค. (จนถึงเวลา 15.30 น.) สำหรับประชาชนทั่วไป ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขา บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ทั้งนี้ กรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาจองซื้อ จะคืนเงินส่วนต่างแก่ผู้จองซื้อทุกราย

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า CPNREIT เป็นกองทรัสต์ชั้นนำขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีทรัพย์สินคุณภาพดี และเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและตลาดทุนมีความผันผวนอย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทรัสต์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับผลประกอบการตั้งแต่ 1 ม.ค.2562 ถึง 31 ธ.ค.2562 CPNREIT มีการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทุกไตรมาสรวม 4 ครั้ง ในอัตรารวม 1.623 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยที่ประมาณ 4-5% ต่อปี

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนเพิ่มเติมของ CPNREIT จะส่งผลดีต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นและยังเป็นการกระจายสัดส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายในหลายทำเลที่มีศักยภาพ และการขยายขนาดกองทรัสต์รวมถึงสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเน้นลงทุนในโครงการศูนย์การค้าที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้ การเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะมีการเสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศอันจะเป็นการขยายฐานนักลงทุนต่างประเทศของ CPNREIT และช่วยให้มีโครงสร้างการถือหน่วยที่กระจายไปในฐานนักลงทุนที่เหมาะสมยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อสภาพคล่องการซื้อขาย และเสถียรภาพของราคาหน่วยทรัสต์ โดยคาดว่าการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน CPNREIT จะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน หน่วยทรัสต์ของ CPNREIT จัดได้ว่ามีสภาพคล่องการซื้อขายที่สูงสุดสำหรับกองทรัสต์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย และการเข้าลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมนี้ คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่เติบโตอย่างมั่นคงแก่กองทรัสต์และผู้ลงทุน

น.ส.พิรินี พริ้งศุลกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า CPNREIT จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ 6 แห่งในหลากหลายทำเลที่มีศักยภาพ ประกอบด้วยโครงการศูนย์การค้า 4 แห่ง และโครงการอาคารสำนักงาน 2 แห่ง พร้อมทั้งต่ออายุสัญญาโครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 โดยจะชำระค่าเช่าสำหรับการต่ออายุโครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ในวันที่เริ่มการเช่าในเดือนสิงหาคม 2568 โดยแหล่งเงินทุนสำหรับการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้ ซึ่งจะมีขนาดการระดมทุนประมาณ 33,000 ล้านบาท จะมาจาก 1) เงินกู้ธนาคาร และ/หรือสถาบันการเงิน และ/หรือการออกและเสนอขายหุ้นกู้ และ 2) การเพิ่มทุนของ CPNREIT โดยการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม

“ด้วยสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบัน จะทำให้กองทรัสต์มีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมที่ต่ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนในการเข้าลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติม โดยการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและกระจายแหล่งรายได้ของกองทรัสต์ที่มั่นคงยิ่งขึ้น อันจะทำให้กองทรัสต์สามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้เพิ่มขึ้น”น.ส.พิรินี กล่าว

น.ส.นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในฐานะ Sponsor และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของ CPNREIT กล่าวว่า การลงทุนของ CPNREIT ในครั้งนี้เป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพและศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยมีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุนของ CPNREIT

สำหรับประเด็นเรื่องผลกระทบของการระบาดของไวรัส COVID-19 นั้นทาง CPN ในฐานะผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของ CPNREIT ได้ร่วมกับผู้จัดการกองทรัสต์ ในการติดตามสถานการณ์และผลกระทบอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าอาจมีศูนย์การค้าที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว 2 แห่ง ที่ CPNREIT ลงทุน และอีก 1 แห่งที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมที่ได้รับผลกระทบบ้าง โดย CPN ได้พิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือกับร้านค้าที่มียอดขายลดลงจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่ลดลง เช่น การให้ส่วนลดค่าเช่าตามความเหมาะสมในช่วงสั้นตามการประเมินสถานการณ์ และมีมาตรการสร้างความปลอดภัยของผู้ใช้บริการรวมถึงพนักงานของศูนย์ โดยเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดศูนย์การค้ามากขึ้น ตลอดจนถึงการตรวจวัดอุณหภูมิของผู้มาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น

นอกจากนี้ CPN ยังมีมาตรการบริหารจัดการต้นทุนของศูนย์การค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ต่อผลประกอบการของ CPNREIT จะมีผลในระยะสั้นและค่อนข้างจำกัด

นอกจากนี้ CPN ในฐานะ Sponsor และผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหญ่ พร้อมให้การสนับสนุนการเติบโตของ CPNREIT อย่างเต็มที่ โดยในการเพิ่มทุนของ CPNREIT ในครั้งนี้ทาง CPN พร้อมเข้าจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมและสนับสนุนให้การเพิ่มทุนครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี โดยเชื่อมั่นว่า การลงทุนใน CPNREIT เป็นทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวแก่ผู้ลงทุน