บลจ.กสิกรฯ ชูหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน-ไอทีแกร่งท่ามกลางความผันผวน

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 2 กองหุ้นต่างประเทศ กว่า 50 ล้านบาท เผยหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน-กลุ่มไอทียังแข็งแรงดี แม้ทั่วโลกยังมีความผันผวน

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุนหุ้นต่างประเทศ สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2562 – 29 ก.พ.2563 จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ หุ้นทุน (K-GINFRA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 13 มี.ค.2563 รวมมูลค่า 54.79 ล้านบาท

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-GINFRA เมื่อปี 2559 กองทุนได้มีการจ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมแล้วทั้งสิ้น 10 ครั้ง เป็นเงิน 2.15 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนหลักมีนโยบายมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้น รวมถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts: REITs)

ทั้งนี้ แม้ว่าภายใต้เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนยังคงมีค่อนข้างสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ในระดับที่ต่ำ บลจ.กสิกรไทย ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โดยมองว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานยังคงมีความน่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและมีรายได้ที่แน่นอน สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงได้ประโยชน์จากการที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ

สำหรับกองทุน K-USXNDQ-A(D) ซึ่งจัดตั้งเมื่อปี 2556 ได้มีการจ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเช่นกัน รวมแล้วทั้งสิ้น 26 ครั้ง เป็นเงิน 8.30 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนหลักใช้นโยบายการลงทุนแบบเชิงรับที่จะสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง Nasdaq-100

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq-100 มีสัดส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากกว่า 50% ซึ่งเป็นกลุ่ม New Economy ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ และกำไรที่สูง รวมถึงมีอัตราการเติบโตของเงินปันผลที่สูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในภาพรวม ส่งผลให้การประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันสะท้อน PE ที่ 25.6 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งอยู่ที่ 23.8 เท่า และสูงกว่าดัชนี S&P500 ซึ่งอยู่ที่ 22.8 เท่า

นอกจากนี้หุ้นในดัชนี Nasdaq-100 ยังมีโอกาสได้ประโยชน์จากนวัตกรรม (Innovation) ที่ได้ลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) โดยจะส่งผลต่อราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

“สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่กระจายเป็นวงกว้างทั่วโลก และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในหลายประเทศ ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าจะเกินการควบคุม เป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศลงทุน นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลเพิ่มเติมหลังเกิดความไม่ลงรอยกันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและรัสเซียจนอาจเกิดเป็นสงครามราคาน้ำมันได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน K-GINFRA และ K-USXNDQ-A(D) แนะนำให้รอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน ส่วนผู้ลงทุนเดิมที่ถือครองหน่วยลงทุนไว้แล้ว แนะนำให้ถือต่อเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม” นายนาวิน กล่าว