กองทุนหุ้นไทย-LTF ขายเฉียดหมื่นล. พิษโควิด-19 นักลงทุนไถ่ถอน-ถือเงินสด

HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช” เปิดตัวเลข “กองทุนหุ้นไทย-LTF-RMF” เทขายหุ้นเกือบหมื่นล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี-12 มี.ค. พบนักลงทุนแห่ขาย LTF มากสุด 6 พันล้านบาท ด้าน “ผู้จัดการกองทุน” ชี้สภาวะตลาดไม่ปกติ ถือเงินสดเพิ่ม นักลงทุนวิตกโควิด-19 ขายคืนหน่วยลงทุน

บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยเม็ดเงินไหลเข้า-ออกสุทธิของกองทุนหุ้นไทย กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ลงทุนในหุ้นไทย ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.-12 มี.ค.2563 มีเงินไหลออกสุทธิรวม 9,959 ล้านบาท ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงรุนแรง

หากแยกรายประเภท พบกองทุนหุ้นไทยมีเงินไหลออกสุทธิตั้งแต่ต้นปี-12 มี.ค.2563 เพียง 3,974 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ จำนวน 2,579 ล้านบาท กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก จำนวน 1,329 ล้านบาทและกองทุนหุ้นเน้นลงทุนรายอุตสาหกรรมจำนวน 66 ล้านบาท

ขณะที่กองทุน LTF มีเงินไหลออกสุทธิสูงถึง 6,061 ล้านบาท โดยไหลออกมากตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 2,833 ล้านบาท เดือนก.พ.จำนวน 2,581 ล้านบาทและต้นเดือนมี.ค.-12 มี.ค.เงินไหลออกจำนวน 647 ล้านบาท ส่วนกองทุน RMF ลงทุนหุ้นไทยมีเงินไหลเข้าสุทธิ 76 ล้านบาท แม้ในเดือนม.ค.เงินไหลออกสุทธิ 198 ล้านบาท แต่เดือนก.พ.และมี.ค.มีเงินไหลเข้าซื้อหุ้น

ด้านข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.-12 มี.ค.2563 นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 13,221.71 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 70,182.29 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 7,782.53 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 91,186.53 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเมื่อวันศุกร์ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันพลิกกลับมาซื้อหุ้นสุทธิ 10,816.03 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสะสมปีนี้เหลือ 2,405.68 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิจำนวน 7,620.16 ล้านบาท ทำให้ยอดปีนี้ขายสุทธิรวม 77,802.45 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิรวม 8,510.91 ล้านบาท ด้านนักลงทุนใประเทศซื้อสุทธิยอดรวมปีนี้ 88,719.03 ล้านบาท

ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปิดตลาด 13 มี.ค.2563 อยู่ที่ 1,128.91 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 119,659.78 ล้านบาท ซึ่งดัชนีปรับตัวลดลงจากสิ้นปี 2562 จำนวน 419.74 จุด หรือ -27.10% ส่งผลให้กองทุนหุ้นไทยผลตอบแทนติดลบมากเช่นกัน

ผู้จัดการกองทุนรายหนึ่ง กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงอย่างรุนแรง รวมถึงหุ้นไทยทำให้นักลงทุนวิตกกังวลขายกองทุนออก ผู้จัดการกองทุนจึงต้องขายหุ้นเพื่อนำเงินคืนแก่นักลงทุน ขณะเดียวกันการบริหารพอร์ตกองทุนได้ลดการถือหุ้นลงบางจังหวะ เพื่อถือเงินสด เนื่องจากประเมินทิศทางหุ้นยังได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นการดำเนินการปกติในสภาวะที่ตลาดหุ้นไม่ปกติ ทำให้กองทุนจะถือเงินสดมากกว่าเดิม ส่วนจะถือมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แต่ละราย

“หุ้นไทยดิ่งแรง หุ้นพื้นฐานดีๆ หลายตัวราคาลงแรงก็เป็นโอกาสในการทยอยเลือกซื้อหุ้นเข้าพอร์ตของกองทุน ซึ่งยังคงเน้นหุ้นปันผล แม้ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังได้รับเงินปันผลซึ่งหลายตัวจ่ายปันผลดี”ผู้จัดการกองทุน กล่าว

ด้านมอร์นิ่งสตาร์ฯ ประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะกระทบภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2563 อย่างมีนัยสำคัญ แต่ผลกระทบค่อนข้างจำกัดในระยะยาว โดยคาด GDP ทั่วโลกจะได้รับผลกระทบประมาณ 1.5% ในปี 2563 และ 0.2% ในระยะยาว เนื่องจากมีผลกระทบกับกำลังการผลิตเล็กน้อย และหากสามารถควบคุมโรคได้แล้วน่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว

มอร์นิ่งสตาร์ฯ ตั้งสมมติฐานอัตราการเสียชีวิตทั่วโลกกรณี base case ที่ 0.5% ซึ่งสูงกว่ากรณีการระบาดในปี 2552 และต่ำกว่าข้อมูลล่าสุดค่อนข้างมาก จึงคาดว่าอัตราการเสียชีวิตในประเทศที่พัฒนาแล้วอาจต่ำกว่านี้รวมทั้งในกลุ่มประชากรวัยทำงาน

สำหรับประเทศจีน มอร์นิ่งสตาร์ยังมีมุมมองเช่นเดิมต่อ GDP ในระยะยาวของประเทศจีน แต่มีการปรับลดาดการณ์ GDP ลง 2.5% ไปที่ 2.2% ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2519 โดยมองว่ามาตรการควบคุมที่เข้มงวดจะช่วยให้ประเทศจีนไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงไปกว่าทั่วโลกในระยะยาวและมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากปี 2563