แน่งน้อยร้อยเรื่องลงทุน : หุ้น PTTEP ลงแรงเกินไปหรือเปล่า?

สุภาษิต”สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” น่าจะใช้ได้ดีกับหุ้นบริษัทปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ.(PTTEP)

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 มี.ค.63) โลกของการลงทุนเกิดวิกฤต ราคาสินทรัพย์ทุกประเภท เหวี่ยงลงและขึ้นรุนแรงในแต่ละวัน  ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทองคำ และน้ำมัน  หลังไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก และเกิดสงครามราคาน้ำมัน หลังจากพลิกล็อคที่ประชุมกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่ม ตกลงเรื่องลดกำลังการผลิตกันไม่ได้วันที่  6 มี.ค. 2563  ทำให้ รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ตะลุมบอลกันแบบรัวๆ มีมหามิตรเข้ามาร่วมด้วย กระหน่ำราคาดำดิ่งอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่า 40% ไหลลงมาแถว 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถือว่าทรุดมากที่สุดในรอบ 29 ปี นับตั้งแต่เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย

นักลงทุนแตกตื่นเทกระจาดหุ้นปตท.สผ. กดราคาดิ่งปิดฟลอร์สนิทที่  74.75 บาท รูดลง 31.75 บาท เมื่อสิ้นวันที่ 9 มี.ค.  หลังจากนั้นราคาสลับขึ้นและลงรวมทั้งสัปดาห์ร่วงไปถึง 40%  ปิดที่ 66.25 บาท เราไม่ได้เห็นราคาต่ำกว่า 100 บาทมานานมาก

นักวิเคราะห์ก็ดาหน้าปรับลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายลงอย่างรวดเร็ว บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งหั่นพรวดเดียวเหลือต่ำกว่า 100 บาท  โดยบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้ต่ำที่สุด เพียง 70 บาท ส่วนบล.เอเซียพลัส เคยให้ราคาสูงสุด 170 บาท ขณะนี้ลงมาเหลือ 110 บาท หลังปรับลดสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบลงมาเหลือ 40 เหรียญสหรัฐในปี 2563 และ 45 เหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ส่วนบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ให้มูลค่าเหมาะสม 104 บาท บนราคาน้ำมัน 45 เหรียญสหรัฐ คาดราคาจะลงไปต่ำกว่า 30 เหรียญไม่นาน ล่าสุด วันที่ 13 มี.ค. ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย WTI ปิดที่ 31.73 เหรียญสหรัฐ และเบรนท์อยู่ที่ 33.85 เหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พลิกเกมส์สงครามน้ำมัน ประกาศซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรองฉุกเฉิน ดันราคาน้ำมันดิบพุ่งไปกว่า 7% หลังตลาดปิดการซื้อขาย ได้แต่หวังว่าศึกครั้งใหญ่นี้คงลากไปไม่ได้นาน เพราะผู้ผลิตน้ำมันทุกรายบาดเจ็บ น่าจะช่วยให้รัสเซีย และซาอุฯกลับมาเจรจากันใหม่อีกครั้ง แม้จะช่วยให้ราคาน้ำมันกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่หวังมากไม่ได้ ท่ามกลางแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสำนักพลังงานสากล(IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์ในปี 2563 ลงอีกเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้การเติบโตลดลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ

หากมีกระแสว่ารัสเซียและซาอุฯยินดีกลับมาเจรจากันรอบใหม่  เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้หุ้น PTTEP พลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รับประกันโดยบริษัททริสเรทติ้งที่ยังคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ “AAA” หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ที่ “AA” แนวโน้ม “คงที่” แม้ราคาน้ำมันดิบดูไบร่วงมากกว่า 30% เหลือประมาณ 32 เหรียญสหรัฐฯในวันที่ 9 มี.ค. 2563 ทริสคาดอาจจะยืนอยู่ที่ระดับนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 3-6 เดือนก็ตาม

ทริสเห็นความโดดเด่นของปตท.สผ. ในหลายเรื่อง ทั้งกระแสเงินสดมีเสถียรภาพ บริษัทมีรายได้จากการขายก๊าซธรรมชาติถึง 70% ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ก็ไม่ใช่อื่นไกล ปตท. ส่งยอดขายถึง 80-85%  ทำให้ไม่มีความเสี่ยงเรื่องตลาด ฐานะการเงินก็แข็งแรง ปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ หลังออกไปลงทุนซื้อกิจการต่างประเทศหลายแห่ง  แถมต้นทุนที่เป็นเงินสดทั้งหมดต่ำอยู่ที่ประมาณ 16-17 ดอลลาร์สหรัฐฯ  ขณะที่มีค่าใช้จ่ายลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 8,900 ล้านเหรีญสหรัฐฯในช่วงปี 2563-2565 ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ประมาณ 40 เหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ และ 50-55 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 และปี 2565 จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ PTTEP จะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) อยู่ในช่วงประมาณ 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีในช่วงปี 2563-2565