MTC ชี้ 2 เดือนสินเชื่อโตตามเป้า ดอกเบี้ยขาลงหนุน โควิด-19 กระทบน้อย

HoonSmart.com>> “เมืองไทย แคปปิตอล” เผยไม่กระทบไวรัส COVID-19 แพร่ระบาดมาก ชี้ผลงาน 2 เดือนแรกสินเชื่อโตตามแผน มั่นใจปีนี้ธุรกิจตามเป้า มีนโยบายตั้งรับ NPL อยู่ในกรอบที่กำหนด ชี้ได้รับอานิสงส์มาตรการของรัฐบาลเยียวยาประชาชนได้รับผลกระทบ COVID-19 และปัญหาภัยแล้ง ดอกเบี้ยขาลงหนุน

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมา 2 เดือน อัตราการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อยังเป็นที่น่าพอใจ และเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯตั้งไว้ คือ 20-25% และมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ไม่เกิน 2.0% แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลให้อัตราหนี้เสียไม่ผันผวน

รวมทั้งมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 600 แห่ง ทำให้มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 4,700 สาขาทั่วประเทศ และบริษัทฯเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นสาระสำคัญต่องบการเงินจากการนำมาตรฐานบัญชีใหม่ 2 ฉบับ (TFRS9 และ TFRS16) มาใช้ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศ บริษัทฯ ยังได้รับผลกระทบน้อยสุด เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เนื่องจากความต้องการสินเชื่อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

“ตามที่คาดการณ์กันว่าคุณภาพหนี้อาจลดต่ำลงหากลูกหนี้ในภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ และต้องหยุดทำงาน แต่ MTC จะเป็นบริษัทฯที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาลที่คืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าให้กับประชาชนจำนวน 21 ล้านครัวเรือน รวมทั้งเงินช่วยเหลือเกษตรกร อันเนื่องมาจากภัยแล้ง ส่งผลให้ลูกหนี้ ยังสามารถชำระหนี้ได้ และบริษัทฯสามารถรักษาระดับคุณภาพหนี้ในปีนี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด”

นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าจะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าคณะกรรมกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) จะประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25- 0.50% ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ

สำหรับมาตรการในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจและภัยแล้ง รวมถึงลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVD-19 บริษัทฯ มีมาตรการในการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี เพื่อบรรเทาภาวะความเดือดร้อนให้กับประชาชน