บล.ฟินันเซียฯฟันธงหุ้นต่ำสุด พ.ค. รอจังหวะซื้อ 880-930 ถือยาวขาขึ้น 3 ปี

HoonSmart.com>>บล.ฟินันเซียไซรัสประเมินสถานการณ์ไวรัสระบาด พีคสุดเดือนพ.ค. ลุ้นกำไรบจ.ไตรมาส 1-GDP ออกมาต่ำกว่าคาด กดดัชนีร่วงไปต่ำสุด 880-930 จุด แถวระดับ 1,000 จุด ทยอยสะสมเพื่อลงทุน ชี้เป้าปีนี้แค่ 1,150 จุด ต้องการกำไรสูง ต้องทำการบ้านเลือกซื้อตัวเด้งกลับแรงหากคลี่คลาย เน้นบริษัทแข็งแกร่งราคาถูกกอดไปได้ 3 ปี ตลาดขึ้นยาวจากสภาพคล่องท่วมโลก

 

บล.ฟินันเซียไซรัส วิเคราะห์สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด คาดว่าจะส่งผลกระทบให้ดัชนีหุ้นลงไปต่ำสุดเดือนพ.ค. 2563 เมื่อนักลงทุนเห็นผลกระทบที่แท้จริงต่อผลประกอบการของบจ.ในไตรมาส 1 ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ เชื่อว่าแย่กว่าที่คาดการณ์ หากใช้ P/E เฉลี่ย 14 ปีย้อนหลัง จะได้ระดับต่ำสุด 880-930 จุด บนสมมุติฐานกำไรต่อหุ้นหดตัว 5-10% P/BV 0.9-1.0 เท่า แต่การใช้เกณฑ์ใหม่ของราคาซิลลิง-ฟลอร์ 15% Circuit breaker และชอร์ตเซล อาจทำให้ดัชนีลงไปไม่ถึงระดับดังกล่าว คาดดัชนีต่ำกว่า 1,000 จุด ก็น่าทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า

สำหรับเป้าหมายดัชนีหุ้นในปีนี้คาดไว้ 1,150 จุด บนสมมุติฐานอัตราการเร่งของผู้ติดเชื้อชะลอตัว ในเดือนเม.ย.-พ.ค. ภาครัฐเปิดการประมูลโครงการขนาดใหญ่เดินหน้าเต็มที่ในครึ่งปีหลัง และเรื่องแล้งจัดการได้ ปรับราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 43 ดอลลาร์/ บาร์เรล หรือ-33% จากปีก่อนเฉลี่ย 64 ดอลลาร์ ส่วนปีหน้าคาดเฉลี่ย 55 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับลด GDP ปีนี้ลงจาก โต 2% เหลือ 0.5% ปรับลดประมาณการกำไรบจ.ลง 10% เหลือ 81.50 บาท หรือ -5% จากปีก่อน เป็นการหดตัวต่อเนื่อง เป็นปีที่ 3

“ตอนนี้หุ้นปรับลงมา 35% เทรดบน P/E 11.6 เท่า และ P/BV 1.1 เท่า สะท้อนภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบบอ่อนไปแล้ว แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงเหมือนซับไพร์ม P/E เพียง 7.5 เท่า เพราะความสามารถในการทำกำไรของบจ.พัฒนาขึ้นมาก จากอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ ที่ 14.4% และ 3.9% ในปี 2008 เป็น 18.0% และ 7.8% ในปี 2019 “บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุ

นอกจากนี้ มาตรการการเงินและการคลังของรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงการออกคิวอีแบบไม่จำกัดวงเงินของเฟดจะส่งให้หุ้นไทยจะเป็นขาขึ้นไปอีก 3 ปี เพราะราคาหุ้นของหลายบริษัทต่ำกว่ามูลค่าที่จริง และ Replacement value อยู่มาก

บล.ฟินันเซียไซรัส แนะนำการเลือกซื้อหุ้น โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือในช่วงนี้ที่การแพร่ระบาดยังคงรุนแรง ต้องเลือกซื้อหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก สามารถอยู่รอดได้ เช่น ประกันชีวิต-สุขภาพ อาหาร Delivery และสื่อสาร หากสถานการณ์คลี่คลายต้องเน้นหุ้นที่เด้งกลับเร็วและแรง  อาทิ กลุ่มอาหาร คาดราคาเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น ค้าปลีก สื่อนอกบ้าน รวมถึงรถไฟฟ้า ถ้าต้องการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว เน้นหุ้นแข็งแกร่ง ราคาถูก

ด้านตลาดหุ้นวันที่ 26 มี.ค. ดัชนีผันผวน ช่วงแรกอ่อนตัวลงตามต่างประเทศ แต่กลับมีแรงไล่ซื้อหนุนดัชนีปรับตัวขึ้น แต่ระหว่างทางมีการขายทำกำไรให้ดัชนีอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว ก่อนเดงขึ้นมาปิดที่บวก 11.93 จุด หรือ 1.10% ที่ระดับ 1,091 จุด สวนทางตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยสถาบันยังคงซื้อมากถึง 4,464 ล้านบาท เน้นหุ้นที่ราคาลงไปลึกมากในกลุ่มลิสซิ่ง แบงก์ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม แม้ว่า กนง.จะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะหดตัวลงแรงถึง 5.3% ก็ตาม