ฟิทช์ลดอันดับเครดิต IRPC เป็น ‘A-‘ แนวโน้มมีเสถียรภาพ

HoonSmart.com>> ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับเครดิต IRPC เป็น ‘A-‘ คาดกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลง อัตราหนี้สินสูง จากผลประกอบการปี 63 ถูกกระทบอย่างหนัก ค่อยๆ ดีขึ้นในปี 64-65   ไออาร์พีซี ขอขยายเทอมการค้าในการซื้อน้ำมันดิบกับ บริษัท ปตท. เป็น 90 วันจาก 60 วัน บริหารเงินทุนหมุนเวียนและหนี้สิน 

บริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ บริษัทไออาร์พีซี (IRPC) เป็น ‘A-(tha)’ จาก ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นเป็น ‘F2(tha)’ จาก ‘F1(tha)’

การปรับลดอันดับเครดิต ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน เพิ่มขึ้นอย่างมากไปอยู่ที่ 8.7 เท่าในปี 2562 จาก 3.0 เท่าในปี 2561  และจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 4.5 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากผลประกอบการในปี 2563 จะถูกกระทบอย่างมากจาก อุปสงค์ และค่าการกลั่นและส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อ่อนแอเนื่องจากสถานะการณ์โคโรนาไวรัส แต่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้นในปี 2564-2565

แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่า ณ อันดับเครดิตที่เพิ่งถูกปรับลดลง จะมีความสามารถในการรองรับการฟื้นตัวของค่าการกลั่นและส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อาจจะช้ากว่าที่คาดได้

บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง  68% และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO) ลดลง  73%

นอกจากนี้ ส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะถูกกดดันจากการขยายกำลังการผลิตใหม่ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีชะลอการลงทุนในโครงการผลิตพาราไซลีน IRPC ได้เลื่อนการตัดสินใจลงทุนในโครงการผลิตพาราไซลีน (PX) ไปเป็นปี 2564 จากปีนี้ ฟิทช์จึงยังไม่ได้รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณการเบื้องต้นที่ประมาณ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐไว้ในประมาณการ อย่างไรก็ตามหาก IRPC ตัดสินใจลงทุนในโครงการนี้โดยใช้การกู้ยืมเงิน อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ จะสูงกว่าที่ฟิทช์ประมาณการไว้มาก

ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุน ในปี 2563-2565 จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ที่ประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมโครงการผลิตพาราไซลีน ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับโครงการปรับปรุงการผลิตเพื่อที่จะรองรับมาตรฐานน้ำมัน EURO 5 โครงการ Floating Solar การขยายธุรกิจและค่าใช้จ่ายเพื่อการบำรุงรักษา

แนวทางการบริหารเงินทุนหมุนเวียนและหนี้สินของ IRPC จะขยายเทอมการค้าในการซื้อน้ำมันดิบกับ บริษัท ปตท. (PTT) ให้ยาวขึ้นเป็น 90 วันจาก 60 วัน ในปี 2563  ฟิทช์คาดว่าจะขยายต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2565 เป็นอย่างน้อย

ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนกำไรของ IRPC จะเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น การเริ่มดำเนินการของโครงการ polypropylene expansion (PPE) และ polypropylene inline compound (PPC) น่าจะช่วยเพิ่มอัตราส่วนกำไร  เนื่องจากมีส่วนต่างกำไรที่สูงกว่าโพรพิลีนเกรดสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ IRPC ได้ทำสัญญาร่วมทุนกับบริษัทปิโตรเคมีของประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิต polypropylene compound สำหรับธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้า  รวมทั้งฟิทช์คาดว่าโครงการปรับปรุงการผลิตและขยายกำลังการผลิตเหล่านี้ จะช่วยทำให้กำไรดีขึ้น หลังจากเริ่มดำเนินการในปี 2565

IRPC มีความได้เปรียบในการแข่งขันในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและธุรกิจผลิตปิโตรเคมีแบบครบวงจรที่มีความชำนาญและมีประวัติอันยาวนานในประเทศไทยนอกจากนี้การลงทุนในช่วงที่ผ่านมาและแผนการลงทุนในอนาคต ยังนำไปสู่การผลิตปิโตรเคมีที่มากขึ้น ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีแบบครบวงจรจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำมีข้อได้เปรียบด้านค่าใช้จ่ายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และความผันผวนของรายได้ที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตที่ไม่ได้ผลิตแบบครบวงจร

อันดับเครดิตของ IRPC ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของวัฏจักรของธุรกิจและความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ความผันผวนของราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับต้นทุน และความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่สูง อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไรและกระแสเงินสดของบริษัทฯ

สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ คือราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ที่ 35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2563 , 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2564, และ 53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2565 โดยมีการปรับปรุงด้วยส่วนต่างราคาน้ำมันตามการซื้อน้ำมันดิบของ IRPC Gross integrated margins ลดลงในปี 2563 ซึ่งเป็นผลบางส่วนมาจากการขาดทุนมูลค่าสต๊อกน้ำมันจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในไตรมาสที่ 1  แล้วค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในปี 2564-2565 จำนวนเงินลงทุนมูลค่าเฉลี่ย  6,200 ล้านบาทต่อปีในช่วง 2563-2565เทอมการชำระเงินสำหรับการซื้อน้ำมันดิบจากปตท. ขยายเป็น 90 วัน จาก 60 วัน

สภาพคล่องที่จัดการได้ IRPC มีหนี้สินคงค้าง ณ สิ้นปี 2562 จำนวน 5.9 หมื่นล้านบาท โดยหนี้สินจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาทจะครบกำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือนซึ่งประกอบด้วย เงินกู้ยืมระยะยาว   8,200 ล้านบาท และ เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 6,900 ล้านบาท สภาพคล่องของ IRPC ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดที่มีอยู่จำนวน 3,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่า 5,100 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 วงเงินกู้ระยะสั้นที่สามารถเบิกกู้ได้จาก ปตท. จำนวน 1หมื่นล้านบาท รวมถึงเทอมการค้าสำหรับการชำระค่าวัตถุดิบที่สามารถขยายได้จาก ปตท.