KSL กำไร Q2 วูบ โอดน้ำตาลร่วง ฉุดราคาขายเฉลี่ยลด 31%

“น้ำตาลขอนแก่น” ไตรมาส 2/61 กำไรสุทธิเหลือ 688 ล้านบาท ลดลงจากงวดปีก่อน 7.53% ส่วนครึ่งปีลดลง 24% เหตุราคาน้ำตาลในตลาดโลกลดลงรวดเร็ว ฉุดราคาขายเฉลี่ยไตรมาส 2 ลดลง 31%

บริษัท นํ้าตาลขอนแก่น (KSL) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2561 (งวดเดือนก.พ.2561 -เม.ย.2561) บริษัทมีกำไรสุทธิ 688.06 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.156 บาท ลดลง 7.53% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 639.85 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.145 บาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 828.76 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.188 บาท ลดลง 24.17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,092.91 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.248 บาท

ในงวดไตรมาส 2 ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 3,586 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 23% อยู่ที่ 4,638 ล้านบาท เป็นผลจากความผันผวนของราคานํ้าตาลตลาดโลก โดยราคานํ้าตาลตลาดโลกปรับตัวเพิมขึ้นในช่วงต้นปี 2560 ขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 20 เซนต์ต่อปอนด์ และลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปี 2561 มาที่ระดับ 13 – 14 เซนต์ต่อปอนด์ เนื่องมาจากผลผลิตนํ้าตาลในปี 2561 ทั่วโลกที่มากขึ้น ประกอบกับการลอยตัวของราคาขายน้ำตาลในประเทศในปี 2561 ที่เป็นไปตามทิศทางเดียวกับราคานํ้าตาลตลาดโลก ส่งผลให้บริษัทมีราคาขายนํ้าตาลเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ลดลง 31% จาก 19,735 บาทต่อตัน เป็น 13,540 บาทต่อตัน และมีปริมาณขายนํ้าตาลลดลงเล็กน้อย 9% จาก 177,461 ตัน เป็น 160,774 ตัน

อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาสที่่ 2 ปี 2561 ซึ่งเป็นฤดูกาลปิดหีบอ้อยของบริษัท บริษัทมีปริมาณอ้อยเข้าหีบสูงกว่าปีที่ผ่านมาจากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 6.83 ล้านตันอ้อย เป็น 11.03 ล้านตันอ้อย หรือเพิ่มขึ้น 61% ส่งผลให้อัตราการใช้กําลังการผลิตมีประสิทธิภาพ และช่วยลดต้นทุนการผลิตลงในงวด ส่งผลให้อัตรากําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 26 เป็น 37%

นอกจากนี้ในงวดไตรมาส 2 ปีนี้บริษัทไม่มีรายการพิเศษ จากงวดปีก่อนมีรายได้อื่นๆ บริษัทได้รับเงินชําระคืนจากค่ารักษาเสถียรภาพ ซึ่งบริษัทได้ฟ้องคดีผ่านศาลปกครองสูงสุด บริษัทได้บันทึกเป็นรายได้อื่น 86 ล้านบาท