กสิกรฯ จะเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค โตยั่งยืน เราต้องอ่านทางออก พาลูกค้าผ่านวิกฤตนี้ไปได้

HoonSmart.com>>ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จัด HER talk โดยสองผู้นำหญิงแกร่งแห่งธนาคารกสิกรไทย “กอบกาญ วัฒนวรางกูร” รักษาการประธานกรรมการ และ”ขัตติยา อินทรวิชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทาง live K xPRESS วันที่ 7 เม.ย.2536

กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย, ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย

“ขัตติยา” กล่าวว่า การขับเคลื่อนธุรกิจมีความท้าทายมาก ทั้งภัยแล้ง การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เรามีหลายบทบาท อย่างแรกเริ่มต้องดำเนินธุรกิจให้มีผลประกอบการดี ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด ธนาคารเป็นฟันเฟื่องสำคัญ ต้องให้ระบบการเงินผ่านไปได้ เราจะต้องไปดักทาง เราจะต้องอ่านทางไปก่อน เพื่อจะได้พาลูกค้าผ่านวิกฤตนี้ไปได้

“ความท้าทาย การปรับโครงสร้างหนี้จะต้องเร็ว เข้าถึงคนที่ลำบากจริง ๆ จะต้องลดต้นทุนในการดำเนินงานให้ทุกคน เราต้องช่วยภาครัฐ ในการเข้าถึงมากที่สุด และขับเคลื่อนประเทศไปได้ เป็นความท้าทายค่อนข้างหนัก ตอนนี้อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว  ภาระหนี้ประเทศไม่สูง ไม่มีการเก็งกำไร ทั้งหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน ความช่วยเหลือของรัฐมาเร็วกว่า แต่การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นปัญหาทั้งโลก ภาระหนี้ต่อครัวเรือนสูง และยังเจอไวรัส” ขัตติยากล่าว

ธนาคารกสิกรไทยและทุกธนาคารเชื่อมั่นว่ามีเงินกองทุนสูงมาก ธนาคารกสิกรไทยมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 มากกว่า 16% ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ ส่วนเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล มีการติดตามตลอด และมีการคาดการณ์ไปข้างหน้าด้วย ยังมีเพิ่มขึ้น แต่อยู่ภายใต้การจัดการที่ดีได้ เชื่อมั่นว่าจะไปได้

ในฐานะที่ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้นำในการเป็นธนาคารดิจิทัล ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้า ต้องได้ยินมากกว่าเดิม และพยายามตอบโจทย์ของลูกค้า เพื่อเพิ่มการบริการให้หลากหลาย ผ่านหลายช่องทาง ทั้งสาขา เอทีเอ็ม และ เค พลัส เป็นช่องทางในการติดต่อกับลูกค้า ตอบโจทย์ เค พัสส เติบโต และการพัฒนาต่อไปจะไม่หยุดยั้ง

“เราเชื่อมั่นว่า การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกสิกรไทย ยังมีการขยายธุรกิจต่างประเทศ แม้ว่าปัจจุบันรายได้ยังมีสัดส่วนไม่มากเป็นเลขหลักเดียว และ 80% มาจากประเทศจีน กลยุทธ์ที่ใช้คือ ขยายตลาดในภูมิภาค ใช้ยุทธศาสตร์ ใช้ดิจิทัล ทั้งในอินโดนีเซีย ในอีกหลายประเทศ เช่น สปป. ลาว กัมพูชา ขยายไป ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น วันนี้ยังเป็นเป้าหมายที่จะก้าวไป

ธนาคารกสิกรไทยยังคงเดินทางต่อไปเพื่อเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค มีกองทุนร่วมทุนที่ลงทุนในสตาร์อัพที่เข้ามาเสริมศักยภาพในการออกผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า และให้ลูกค้าทำงานได้ การลงทุนในทั้งในและต่างประเทศ ทั้งจีน เวียดนาม และอิสราเอล

ในเรื่องพนักงาน ไม่มีนโยบายลดพนักงาน ในช่วงนี้เรื่องสุขภาพของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ

วันนี้ ภายใต้ความท้าทาย โจทย์ต้องเร่งด้วย นอกจากทำธุรกิจไปได้ จะต้องพาลูกค้า ประชาชน เศรษฐกิจ และระบบการเงินผ่านไปได้ เราจะเป็นธนาคารหลักของประเทศ และเป็นธนาคารหลักของภูมิภาคนี้ เราจะใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง อย่างชาญชฉลาด ดิจิทัลจะทำให้เราผ่านไปด้วยดี

เรามั่นใจว่าหลังจากวิกฤตนี้เราจะทำสิ่งที่จะต่างกัน คือ ด้วยอัตราเร่ง ต้นทุนที่ถูกลงอย่างมาก เพื่อให้ทุกคนเข้ามาใช้บริการได้ เราจะให้คนเก่งทำงานร่วมกัน ในการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ mind set ขององค์กร และพนักงาน จะต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง จะต้องมองไปข้างหน้า จะต้องดักทาง โมเดลธุรกิจตอนนี้จะต้องทำให้สำเร็จ

“เป็นเกมส์ ที่ไม่มีวันจบ บางจังหวะที่เรานำ บางครั้งก็ตาม เรามีเป้าหมายชัดเจน เชื่อว่าเราไปได้ แบ่งทีมทำงานเป็น 2 ทีม คือวิกฤต กับหลังจากที่จบไปแล้ว เราจะอยู่ทุกช่วงชีวิตของความยั่งยืน เราจะคำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด พิจารณาความเสี่ยงด้านที่ดี และทำผลประกอบการที่ดี  คำว่าโชคดี ไม่มีหรอก ทุกอย่างเราต้องเตรียมพร้อม เสริมสร้างตัวเองเสมอ เมื่อมีโอกาสเข้ามา จะผสมกัน สร้างสิ่งที่ดีได้ เราต้องพัฒนาศักยภาพ ไม่มีใครแก่เกินเรียน ทุกวันนี้ก็ยังเรียนออนไลน์ เรื่องดีซายน์ ติ้งกิ้ง เมื่อเราเป็นธนาคารในภูมิภาค ก็เริ่มเรียนภาษาจีน กสิกรไทย เป็นธนาคารมี่ให้โอกาสกับทุกคน เรียนสิ่งใหม่ ก็จะเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความสามารถ ผสมผสานกับความเก่ง หลากหลายมุมในการทำงานให้ลงตัว

หลักการทำงาน มองไปข้างหน้า จะต้องบริหารเวลาให้ดีขึ้น ถ้างานชิ้นอื่น ให้คนอื่นทำได้ เราจะต้องดูว่า ซีอีโอทำอะไรบ้าง และให้ความสำคัญเรื่องของสุขภาพ จะต้องดูแลดี เพื่อให้ทำงานต่อไปได้ ไม่สะดุด

ความสมดุล ไม่แน่ใจว่าจะมีไหม ประสบการณ์ เมื่อเราทำงานหนัก เราจะต้องหาเวลาพัก ไปเติมพลัง แต่อยู่ที่เรา คืออะไร ครอบครัว คนที่เรารัก การออกกำลังกาย เราต้องแบ่งเวลาในการพัฒนา หาความสุข ให้ครอบครัว ทำให้มีพลัง และกลับมาทำงานใหม่ได้

ส่วนผลการดำเนินงาน กำลังทำตัวเลข เป้าหมายใหม่จะชัดเจนในไตรมาส 2 เพราะเศรษฐกิจหดตัว คาดผลงานไตรมาส 1 ลดลงแรง

เชื่อมั่นว่าเราจะผ่านไปได้ แต่จะไม่ได้ผ่านไปคนเดียว ประเทศไทย ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย จะเป็นผู้ชนะที่ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ เพราะทีมงานของเรามีความแข็งแกร่ง พร้อมที่จะไปเพิ่มอำนาจในการเพิ่มธุรกิจ คณะกรรมการมีความสามารถหลากหลาย เก่งทุกด้าน ช่วยกำกับดูแลในเชิงกลยุทธ์ไปด้วยเร็ว

หลังจากผ่านวิกฤตไปแล้ว เราหวังว่าจะเป็นธนาคารที่ใหญ่ คล่องตัว จะต้องเรียนรู้อย่างเร็ว ได้ยินลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะรู้ว่าต้องการอะไร เราต้องการตอบโจทย์ของลูกค้าเราจะเป็นธนาคารที่ยั่งยืน

ทางด้าน “กอบกาญ” กล่าวอย่างมั่นใจว่าการทำงานของธนาคารจะผ่านพ้นวิกฤตและเดินหน้าต่อไปได้ ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี และบริหารความเสี่ยงเหมาะสม สร้างความสัมพันธ์อิสระต่อกัน ทำงานด้วยกัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะดำเนินธุรกิจประจำวัน และการปฎิบัติการ คณะกรรมการ(บอร์ด) ให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนกลยุทธ์ และติดตามผลการดำเนินงานของธนาคารให้ได้ตามแผนที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล แผนสืบทอดพนักงาน นอกจากนี้ธนาคารกสิกรไทย ให้ความสำคัญกับการคัดสรรพนักงานเข้ามาทำหน้าที่ คณะกรรมการมีส่วนผสมทุกมุมมอง ก้าวไกล ครบทุกมุม  โดยคณะกรรมการเป็น ผู้หญิงถึง 7 คน จากทั้งหมด 17 คน คิดเป็นสัดส่วน 41% และมีกรรมการอิสระมากกว่าครึ่งหนึ่ง

กอบกาญกล่าวว่า ได้ร่วมเป็นกรรมการของธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง  ต้องการสร้างคนให้มีแรงบันดาลใจ กล้าคิด กล้าทำ ทำอย่างไรให้คนเก่งมาร่วมมือ ต้องมีใจเดียวกัน

“ได้ประเมินฝ่ายบริหาร และศักยภาพพื้นฐานของธนาคาร เรายังคงแข็งแกร่ง และเชื่อมั่นฝ่ายจัดการ ว่าจะก้าวผ่านโจทย์ และก้าวผ่านไปได้ สิ่งแรกต้องเชื่อมั่นในประเทศไทย รัฐบาล และสาธารณสุขไทย ความสามัคคีของคนไทย เราไม่มีเวลา ต้องก้าวไปข้างหน้า ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ให้ความช่วยเหลือคนไทยทุกชั้น ”

คณะกรรมการของธนาคารกสิกรไทยเข้มแข็งมาก มาจากหลากหลายมิติ มีจรรยาบรรณที่สูง ความแข็งแกร่งของบอร์ด จะช่วยกำกับธนาคารไปได้ให้เร็วที่สุด  เติบโตอย่างรับผิดชอบ และยั่งยืน การจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ เราจะต้องมีจุดยืน เพื่อให้แน่วแน่ นำสิ่งดีที่ การเรียนรู้ตลอดชีวิต วันนี้และวันหน้าสำคัญมากกว่าความสำเร็จที่ผ่านมาในชีวิต เท้าต้องติดดิน ต้องรับฟังจากคิดเห็นจากคนรอบข้าง ทรัพยากรคน มีคุณค่ามากกว่าเงิน และเครื่องจักรที่มีอยู่ ทำอย่างไร ให้ทุกคนทุ่มเท แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ขอให้คิดว่าทุกคนมีโอกาส โอกาสจะมาเมื่อไร ไม่ทราบ และขอให้รักในสิ่งที่ทำ เราต้องเรียนรู้และมีศรัทธา เมื่อไรที่เราล้มกี่รอบ ก็จะลุกขึ้นมา ต้องเชื่อมั่นประเทศไทย ต้องเชื่อมั่นในธุรกิจของเรา เมื่อเห็นสิ่งที่ดีๆ พระอาทิตย์จะขึ้นมาเสมอ!!!

 
 

‘บัณฑูร’ แนะต้องเพิ่มองค์ความรู้ เปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่