KTC โกยกำไร 1,641 ลบ.โต 3% รับมือโควิดฉุดไตรมาส 2

HoonSmart.com>>บัตรกรุงไทยโชว์ผลงานไตรมาส 1/2563 โตทั้งรายได้-กำไร จำนวนผู้บัตรเครดิต-ยอดลูกหนี้ขยายตัวดี ค่าใช้จ่ายทางการเงิน-หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เร่งวิเคราะห์ พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการในองค์กรทั้งระบบ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า สนับสนุนภาครัฐออกมาตรการผ่อนผันแบ่งเบาภาระสมาชิกที่เดือดร้อนจากโควิด  เพื่อดูแลรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อไว้ให้ดีที่สุด 

บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 1,641ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท คิดเป็น 3.27% จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,589 ล้านบาท

ระเฑียร ศรีมงคล

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มีการเติบโตทั้งรายได้และผลกำไร รายได้หนี้สูญได้รับคืนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ขณะเดียวกันสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ยังมีอัตราขยายตัว 10% ในขณะที่อุตสาหกรรมเติบโต 6.2%”

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก จนกลายเป็นวิกฤติรุนแรงที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจเกือบทุกประเภท ต่อเนื่องมาถึงชีวิตความเป็นอยู่และภาคการใช้จ่ายของประชาชน  มีผลให้พอร์ตลูกหนี้และปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีเริ่มได้รับผลกระทบตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเดือนมี.ค. โดยรวมไตรมาสแรกจึงขยายตัวเพียง 2.2% หรือมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 50,167 ล้านบาท ยอดเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 82,102 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้บัตรเครดิต 52,137 ล้านบาท และลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวมเป็น 29,965 ล้านบาท

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ไตรมาสแรก เท่ากับ 15.64% จากค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยรับที่เท่ากับ 18.52% และมีต้นทุนเงินทุนที่ 2.88%  ส่วนสมาชิกเติบโต 5.6% จากปีก่อน ณ สิ้นเดือนมี.ค. บริษัทสมาชิกทั้งสิ้น 3.5 ล้านบัญชี  แบ่งเป็นบัตรเครดิต 2,593,947 บัตร เพิ่มขึ้น 10.4% และสินเชื่อบุคคล 926,729 บัญชี  ลดลง 6.0% จากการปิดบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว

” KTC คาดว่าสถานการณ์และผลกระทบจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) แล้วอย่างเต็มที่ ภารกิจที่เราจะต้องคิดวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่คือ การหากลยุทธ์ที่จะนำพาเคทีซีฝ่าวิกฤตินี้ไปอย่างไรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และจะเตรียมพร้อมรับมืออย่างไรหลังวิกฤติโควิด-19 เพราะโลกหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป (New Normal) อีกทั้งจะเร่งวิเคราะห์ พัฒนาปรับปรุงกระบวนงานทั้งระบบ (End to End Process Improvement) ปรับลดความซ้ำซ้อนและซับซ้อน เสริมสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมทุกมิติ ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลให้ดีที่สุด”นายระเฑียรกล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้สนับสนุนภาครัฐในการออกมาตรการผ่อนผันช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามนโยบายของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่ โดยปรับลดอัตราผ่อนชำระของบัตรเครดิตจากเดิม 10% เหลือ 5% ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 ส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคล “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) ปัจจุบันได้รับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ 3% ซึ่งอยู่ในแนวทางการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมจะออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมในวันที่ 20 เม.ย.ที่จะถึงนี้อีกด้วย

ด้านราคาหุ้น KTC แข็งแกร่งมาก ปิดที่ 32.75  บาท +1.75 บาทหรือ +5.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 280 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา