แน่งน้อยร้อยเรื่องลงทุน : “รายย่อย” มีโอกาสทำกำไรมากขึ้น ใต้เกณฑ์ ชอร์ตเซล(ใหม่)

HoonSmart.com>> สถานการณ์ โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากมาย แต่กลับสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจหลักทรัพย์ เมื่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับปรุงเกณฑ์ ทำให้นักลงทุนไทยที่เคยยืนอยู่นอกตลาด กล้ากลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น และมีนักลงทุนหน้าใหม่แห่มาขอเปิดบัญชีจนโบรกเกอร์ให้บริการไม่ทัน ส่งผลให้ยอดซื้อขายพุ่งขึ้นปรี๊ด หลังจากการซื้อขายของรายย่อยอยู่ในทิศทางขาลงมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะอะไร …

” มนตรี ศรไพศาล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ถึงกับออกปากว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยพ้นความมืดแล้ว พร้อมขอขอบคุณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ที่ปรับปรุงเกณฑ์ชอร์ตเซลชั่วคราว และคุมเข้มเน็กเก็ตชอร์ต โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เป็นต้นมา ทำให้นักลงทุนบุคคลของไทยที่เคยหมดหวังกับการลงทุนในตลาดหุ้น กล้ากลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง รวมถึงราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงจากผลกระทบโควิด ก็มีนักลงทุนใหม่มาเปิดบัญชีซื้อขายมากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

นักลงทุนไทยมีสัดส่วนการซื้อขายลดลงมาตลอดในช่วงปี 2557-2562 เคยมีสัดส่วนถึง 62% ของการซื้อขายทั้งตลาด เหลือเพียง 35-36% เมื่อเดือนม.ค.-ก.พ. 2563 ซึ่งในเดือนมี.ค.ขยับขึ้นมาเป็น 42% และเดือน เม.ย. เพิ่มเป็น 49% ขณะที่สัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศกลับลดลงเหลือ 34% เทียบกับเมื่อสิ้นปี 2562อยู่ที่ 41% ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมีการซื้อขายเพิ่มใหม่มาจากกลุ่ม High Frequency Trading (HFT) ที่ถือว่าเป็นประเภทหนึ่งของ Algo-Trading ที่เป็นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยตัดสินใจและส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น

เมื่อตลาดหลักทรัพย์ปรับปรุงเกณฑ์ชอร์ตเซลชั่วคราว ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่13 มี.ค.2563 และไม่เกินวันที่ 30 มิ.ย.2563 จากเดิมที่โบรกเกอร์สามารถขายชอร์ตได้เฉพาะในราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายตามเกณฑ์ ZERO PLUS TICK rule เป็น PLUS TICK หรือจะขายชอร์ตได้เฉพาะในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายเท่านั้น ทำให้สัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศลดลง หุ่นยนต์ที่เคยได้ประโยชน์หายไป เพราะ”เดิมเล่นได้ทั้งสองขา” คือทั้งขาขึ้นหรือลงได้ เริ่มเล่นขายกดราคาได้ยากขึ้น   ทำให้ตลาดกลับมาปกติมากขึ้น ไม่ได้เคลื่อนไหวในทิศทางไร้เหตุผลหรือไม่มีปัจจัยพื้นรองรับ

” ดีใจที่นักลงทุนบุคคลกลับมา อารมณ์ เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา หมดหวัง กับการซื้อหุ้นในตลาด เกณฑ์เสียเปรียบตลอดเวลา พอมีข้อจำกัดเรื่องการเคาะซื้อเคาะขายครั้งนี้ แต่ละสเต็ปให้ราคาแตะลงไปอีกขั้นหนึ่ง ไม่ให้ตลาดแกว่งอย่างไม่มีเหตุไม่มีผล เหมือนหุ้นปั่น สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้น เฉพาะเมืองไทย และต่างประเทศ ก็เจอ แต่บรยากาศเปลี่ยนได้ ถ้ากฎ กติกา ทำให้มนุษย์ พอเล่นได้ พอเสียเปรียบ ได้บ้าง แต่ไม่ไช่เข้าไม่ได้ อันเดิม ลงอย่างไม่มีเหตุผล ก็มีผลให้มนุษย์ขวัญผวาได้ เวลาที่กดลง ทั้งๆที่ไม่มีหุ้น มีช่องให้ลงไป 30% บางทีไร้เหตุผล  จึงเห็นหุ้นหลายตัวที่สัดส่วนราคาลงมาต่ำกว่ามูลค่าของกิจการ (P/BV) เชื่อว่าจะค่อยๆดีขึ้น ขึ้นมาซื้อขายด้วยปัจจัยพื้นฐานจริงๆ  จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ด้วย”

“มนตรี” กล่าวว่า ต่อไป ตลาดหลักทรัพย์จะมีเกณฑ์หรือปรับปรุงเรื่องอะไร จะต้องมีการรับฟังความเห็นมากหน่อย เพราะที่ผ่านมากระทบต่อนักลงทุนบุคคลมาก ตลาดไม่มีความหวัง และลงแรงอย่างไม่มีเหตุผล น่ากลัว กองทุนต่างๆ มูลค่าลดลง พนักงานเอกชนมีการลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มูลค่าก็ลดลง

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกบางเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์ควรจะต้องติดตาม นอกจากเน็กเก็ตชอร์ต ที่ขายโดยไม่มีหุ้นในมือแล้ว ตอนนี้มี Fake Short Sell คือชอร์ตเซลไม่จริง เป็นลักษณะถือหุ้นแทนลูกค้า มีสัญญาซื้อคืน  สามารถหลบเลี่ยงเกณฑ์ชอร์ตเซล ไม่ติดเงื่อนไขต้องขายในราคาสูงกว่าตลาดหนึ่งขั้น

นอกจากนี้ควรตรวจสอบ มีการกำกับดูว่านักลงทุนคนไหนที่มีการลงทุนในระดับของการมีอิทธิพลต่อหุ้นตัวไหนๆมากเกินไป มีการซื้อขายถี่มาก จนมีสัดส่วนอย่างมีนัยสำคัญ เช่น หุ้นมาจากบัญชีเดียวสูงถึง 25-30%  ผูกขาด  สามารถกำหนดทิศทางของราคาหุ้นได้ ยกเว้นมาร์เก็ตเมคเกอร์

สำหรับคำแนะนำให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ “อย่าตื่นเต้นเกินไป” ยินดีด้วยที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ในบรรยากาศดอกเบี้ยต่ำมาก ราคาไม่สูง ขอให้ติดตามข้อมูลและศึกษาบทวิเคราะห์ อย่าตัดสินใจด้วยข่าวลือ ประตูสำหรับการลงทุนเปิดแล้ว อยากให้นักลงทุนเข้ามามากขึ้น เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี  ปัจจุบันมีนักลงทนเปิดบัญชีซื้อขายมากกว่า 2 ล้านบัญชี แต่ซื้อขายเพียง 7-8 แสนบัญชี อยากให้นักลงทุนไทยมีสัดส่วนการซื้อขายมากกว่า 50% เพื่อให้มีเงินออมในระยะยาว…