ดาวโจนส์ลบกว่า 600 จุด วิตกสงครามการค้ากลับมาอีกรอบ

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้น 3 แห่งของสหรัฐร่วงลงแรง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 600  จุด วิตกสงครามการค้ากลับมาอีกรอบ ทรัมป์ขู่ใช้ภาษีจัดการจีนเรื่องโควิด-19  รวมถึงแรงขายหุ้น จากความผิดหวังผลประกอบการไตรมาสแรกบริษัทจดทะเบียน 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 1 พ.ค. 2563 ที่ 23,723.69 จุด ลดลง 622.03 จุด หรือ 2.55% จากความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะกลับมาใหม่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่จะใช้มาตรการภาษีลงโทษจีน หลังจากตำหนิจีนว่าจัดการกับการระบาดไวรัสโควิด-19 ไม่โปร่งใส รวมทั้งนักลงทุนผิดหวังกับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,830.71 จุด ลดลง 81.72 จุด, -2.81%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,604.95 จุด ลดลง 284.60 จุด, -3.20%

เมื่อวันก่อนมีรายงานข่าวว่า ทางการสหรัฐกำลังเตรียมที่จะดำเนินการตอบโต้จีน เนื่องจากการจัดการกับการระบาดไวรัสโควิด-19 ของจีน และประธานาธิบดีทรัมป์สั่งการให้หน่วยสืบราชการลับรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบว่าจีนและองค์การอนามัยโลกปกปิดข้อมูลการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือไม่

นายลาร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว ให้ความเห็นว่า จีนจะต้องรับผิดชอบต่อการระบาดไวรัสโควิด-19 และสำหรับธุรกิจจีนเป็นช่วงคับขัน แต่จะเป็นวิธีไหน เมื่อไรและอย่างไร ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีทรัมป์

ในเดือนมกราคม สหรัฐฯและจีนได้บรรลุข้อตกลงการค้าระยะแรก

ยอกจากนี้ตลาดยังปรับตัวลดลงจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นแอมะซอนลดลง 7.6% หลังกำไรไตรมาสแรกต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดและประกาศจะใช้กำไรไตรมาสแรกทั้งหมดเพื่อตอบสนองกับการระบาดของไวรัส

หุ้นแอปเปิลลดลง 1.6% แม้ว่ารายงานกำไรดีกว่าที่คาด แต่รายได้ทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน และไม่คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสต่อไป ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการระบาดของไวรัส แต่ยังยืนยันว่าจะจ่ายปันผลและซื้อหุ้นคืน

การที่บริษัทใหญ่ไม่คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงาน ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ตลาดได้รับแรงกดดันจากภาคการผลิตสหรัฐฯเดือนเม.ย.ที่ยังคงอ่อนตัว โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต จากสถาบัน ISM Manufacturing ลดลงมาที่ 41.5 จาก 49.1 เดือนมี.ค. ขณะที่ดัชนี PMI โดยรวมอยู่ที่ 49.7 เพิ่มขึ้น 2.8 จากเดือนมีนาคม

ไอเอชเอส มาร์กิต เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนเมษายนลดลงสู่ระดับ 36.1 จากรายงานเบื้องต้นที่ 36.9 และจาก 48.5 ในเดือนมี.ค.

กระทรวงพาณิชย์เผย การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ.ปรับลดลง 2.5%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ หรือ 5% ปิดที่ 19.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 26.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นายไมเคิล เวิร์ธ ซีอีโอ เอ็กซอนโมบิล กล่าวว่า ความต้องการน้ำมันในเดือนเม.ย.และพ.ค.จะแตะจุดต่ำสุด และคาดว่าไตรมาสสองจะเป็นไตรมาสที่ยากลำบากสำหรับบริษัท จึงได้ตัดค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนลงอีก หลังจากไตรมาสแรกขาดทุนจากราคาน้ำมันที่ลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์และผลทางบัญชี

หุ้นเอ็กซอน โมบิลลดลง 7.2%

หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.8% แม้กำไรเพิ่มขึ้น 38

หุ้นโบอิ้งลดลง 5.42% หลังระดมทุนด้วยหุ้นกู้มูลค่า 25 พันล้านดอลลารร์

หุ้นเทสลาลดลง 10.3% หลังนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอ ทวิตข้อความว่าราคาหุ้นสูงเกินไป

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบ ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลีปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน นักลงทุนกังวลหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่จะใช้มาตรการภาษีลงโทษจีน ในกรณีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และยังกล่าวว่า ข้อตกลงการค้าที่ตกลงกันได้ในเดือนม.ค. ซึ่งอยู่ระหว่างรอการลงนามนั้นมีความสำคัญอันดับสอง

ตลาดไม่ขานรับถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสันที่ให้คำมั่นว่าจะประกาศแผนผ่อนคลายการล็อกดาวน์

ไอเอชเอส มาร์กิต เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.ของอังกฤษลดลงสู่ระดับ 32.6 จาก 47.0 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากสุดของเดือนในรอบ 3 ทศวรรษ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,763.05 จุด ลดลง 138.15 จุด, -2.34%