TU กำไรลด 20% เหลือ 1,529 ลบ. Q1/63 ยอดขายสูงสุดในรอบ 3 ปี

HoonSmart.com>>ไทยยูเนี่ยนทำสถิติยอดขายไตรมาสแรกสูงสุดในรอบ 3 ปี เพิ่มขึ้น 5.9%อยู่ที่ 31,103 ล้านบาท จากความต้องการซื้ออาหารกระป๋องที่เพิ่มขึ้น กำไรจากการดำเนินงานโต  49.9% กระแสเงินสดมากกว่า 1 พันล้านบาท

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 1,016.22  ล้านบาท ลดลง 257.17 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 20% จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,273.39  ล้านบาท

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า กำไรที่ลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีผลต่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์และการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 262 ล้านบาท   อย่างไรก็ตามบริษัทมีกระแสเงินสดมากกว่า 1,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสด

บริษัทมียอดขาย 31,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% นับเป็นยอดขายไตรมาสแรกที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา จากปริมาณการขายของธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องที่เพิ่มขึ้นถึง 24.5 %อยู่ที่ 99,599 ตัน เนื่องจากผู้บริโภคทั่วโลกจับจ่ายอาหารกระป๋องในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19  ทั้งนี้หากแยกผลกระทบจากค่าเงินบาทออก ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 7.6%
เนื่องจากค่าเงินยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น

บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 1,529 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% เกิดจากการควบคุมต้นทุนและการทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 11.3% เทียบกับ 11.4%ในช่วงไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า  มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.2% เพิ่มขึ้น 1.28% อยู่ที่  5,040 ล้านบาท

ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปมียอดขาย 15,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2% ธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีปริมาณการขายลดลงเพียง 1.1% อยู่ที่ 61,179 ตัน ในขณะที่ยอดขาย  5.1% อยู่ที่ 10,944 ล้านบาท เนื่องจากช่องทางจำหน่ายในธุรกิจโรงแรมร้านอาหารต่างๆ ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 3.3% อยู่ที่ 4,528 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการทำกำไรสูง

ด้านโครงสร้างยอดขายมาจากอเมริกาเหนือ มีสัดส่วน 43%  ของยอดขายรวมทั้งหมด ในขณะที่ตลาดยุโรป คิดเป็น 30% ตลาดประเทศไทยมีสัดส่วน 11%

“ในไตรมาสแรกของปีนี้ สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการดูแลพนักงานและการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เราสามารถผลิตสินค้าให้กับผู้บริโภคทั่วโลกในอย่างปลอดภัยและมั่นใจ” นายธีรพงศ์กล่าว