ADVANC กำไร 6,756 ลบ.ธุรกิจมือถือหดตัว 1% ลุยลงทุน 4 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>แอดวานซ์ อินโฟร์ฯ เผย 3 เดือนแรก มีรายได้รวม 42,845 ล้านบาท กระทบจากโควิดบ้าง นักท่องเที่ยวหายกดธุรกิจมือถือลดลง อินเทอร์เน็ตบ้านพุ่งแรง รักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางการเงินพร้อมเป็นกำลังสำคัญด้านโครงสร้างดิจิทัลเพื่อคนไทย เดินหน้าลงทุน 4G, 5G ต่อเนื่อง 35,000-40,000 ล้านบาท คาดผลงานรวมปี 63 ธุรกิจโทรคมนาคมโตดีกว่าเศรษฐกิจ เน้นลดต้นทุน-เพิ่มประสิทธิภาพ ด้าน INTUCH บิ๊กล็อตโผล่กว่า 11 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 55.08 บาท/หุ้น รวม 650 ล้านบาท

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1/2563 มีกำไรสุทธิ 6,756.19 ล้านบาท ลดลง 813 ล้านบาท ประมาณ 10.75% เทียบกับกำไรสุทธิ 7,570 ล้านบาทในระยะเดียวกันปีก่อน

สมชัย เลิศสุทธิวงค์

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 42,845 ล้านบาท จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง -1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการแข่งขันของอุตสาหกรรม และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. บริษัทต้องปิดให้บริการชั่วคราว AIS Shop, Serenade Club และ AIS Telewiz ในพื้นที่ตามประกาศของภาครัฐ โดยมีผู้ใช้บริการรวม ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 41.1 ล้านราย ยังคงมีฐานลูกค้าจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แบ่งเป็นลูกค้าระบบรายเดือนจำนวน 9.1 ล้านราย และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 32.0 ล้านราย

ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงเติบโตได้ดี มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 52,800 ราย ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 1.1 ล้านราย รายได้เติบโต 27% อยู่ที่ 1,640 ล้านบาท ทั้งนี้ จากมาตรการล็อกดาวน์ และกระแสการ Work From Home ได้ส่งผลให้มีความต้องการใช้งานดาต้าและอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเห็นได้ชัดจากช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค. ส่งผลให้การใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นเป็น 14.7 กิกะไบต์/ผู้ใช้บริการ/เดือนเติบโต 29% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน ทำให้มีลูกค้ารายใหม่ในเดือนม.ค.เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับรายได้จากการให้บริการหลักทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 33,090 ล้านบาท แต่ลดลง 4.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่สามารถบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทยังมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 19,576 ล้านบาทจากสถานการณ์ยังคงเปลี่ยนแปลงและมีความไม่แน่นอน ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการปรับตัวและแผนธุรกิจเพื่อคงรายได้จากหน่วยธุรกิจต่างๆ ในขณะที่หาแนวทางการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อคงกระแสเงินสดและความสามารถในการทำกำไร

“บริษัทมีความพร้อมในการเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอน ด้วยความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนภาษีดอกเบี้ยและค่าเสื่อมในระดับ 0.7 เท่า แสดงถึงระดับหนี้ค่อนข้างต่ำ และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในไตรมาส1/2563 สูงกว่า 23,000 ล้านบาท โดยรวมทั้งปีจะเพียงพอสำหรับการลงทุนในการขยายโครงข่ายทั้งบริการ 5G และ 4G ในงบประมาณ 35,000-40,0000 ล้านบาท และเดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทย หลังจากขยายเครือข่าย 5G ครอบคลุม 77 จังหวัดแล้วตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา”นายสมชัยกล่าว

นอกจากการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในการดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัทยังเล็งเห็นถึงผลกระทบของวิกฤตที่ลุกลามไปในสังคม ดังนั้นนอกจากมาตรการดูแลลูกค้าและพนักงานอย่างครบถ้วนรอบด้านแล้ว ยังทุ่มสรรพกำลังเพื่อช่วยเหลืองานด้านสาธารณสุขในการรับมือวิกฤตนี้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภารกิจเร่งด่วน “AIS 5G สู้ภัย COVID-19” ด้วยงบลงทุนกว่า 110 ล้านบาท เน้นประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมของ 5G เพื่อการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปติดตั้งเครือข่าย 5G ในโรงพยาบาลที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19, การส่งมอบหุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ 5G ROBOT FOR CARE เพื่อช่วยดูแลรักษาผู้ป่วย COVID-19 ที่พร้อมส่งมอบให้ครบทั้งหมดจำนวน 23 ตัว ให้กับโรงพยาบาล 22 แห่ง ภายในเดือนพ.ค. 2563 นี้ รวมถึง สนับสนุนระบบสื่อสาร รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลและองค์กรภาครัฐอีกมากมาย เพื่อให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตในเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็วและพร้อมรับมือวิกฤตในระยะยาว

ด้านราคาหุ้น ADVANC  ปิดที่  197.50 บาท ลดลง 1 บาท ส่วน บริษัทอินทัช โฮลดิ้งส์ ( TNTUCH) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ADVANC  แข็งแกร่ง ปิดที่  55.25 บาท +1.75  บาท หรือ+3.27%  โดยมีรายการซื้อขายกระดานใหญ่ (บิ๊กล็อต) มูลค่าถึง  650.92 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 55.08 บาท จำนวน 11,817,300 หุ้น  ราคาใกล้เคียงกับราคาปิดในตลาดที่ 55.25 บาท ขณะที่ตลาดหุ้นดดยรวมดัชนีทรุดลง 20 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 1,257.98 จุด  วันที่ 7 พ.ค.2563