ก.ล.ต.ฟัน “กิตติ” พร้อมหลาน อินไซด์ซื้อ NOBLE ปรับ 15 ลบ.

HoonSmart.com>> ก.ล.ต.เชือด “กิตติ ธนากิจอำนวย” – “คงภัทร์ จิรมณีกุล” หลายเขย อินไซด์ข้อมูลซื้อหุ้น NOBLE ช่วงเดือน มิ.ย.61 สั่งปรับกว่า 15.95 ล้านบาท ห้ามเป็นกรรมการ-ผู้บริหาร ระยะเวลา 12 เดือน

กิตติ ธนากิจอำนวย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง นายกิตติ ธนากิจอำนวย กรณีเปิดเผยข้อมูลภายในเกี่ยวกับบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) แก่บุคคลอื่น  และนายคงภัทร์ จิรมณีกุล กรณีซื้อหุ้น NOBLE โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน(อินไซด์เดอร์เทรดดิ้ง) และเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมจำนวน 15,952,104 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้งสองเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 12 เดือน

ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 นายกิตติได้รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหุ้น NOBLE ที่ราคา 12.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดและนายกิตติ ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของ NOBLE ในขณะนั้นได้เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวแก่นายคงภัทร์ (หลานเขยของนายกิตติ) โดยรู้หรือควรรู้ว่านายคงภัทร์อาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ในการซื้อหุ้น NOBLE และนายคงภัทร์ได้ซื้อหุ้น NOBLE ในระหว่างวันที่ 4 – 11 มิ.ย.2561 จำนวน 4,088,600 หุ้น ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อสาธารณะในวันที่ 12 มิ.ย.2561 ทำให้นายคงภัทร์ได้รับผลประโยชน์จากกำไรในการซื้อหุ้น NOBLE เป็นเงินจำนวน 7,043,960 บาท

การกระทำของนายกิตติซึ่งเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในของ NOBLE และได้เปิดเผยข้อมูลภายในแก่นายคงภัทร์ เป็นการฝ่าฝืนตามมาตรา 242(2) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 สำหรับการกระทำของนายคงภัทร์ที่ซื้อหุ้น NOBLE โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในที่ได้รับการเปิดเผยจากนายกิตติ เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายกิตติและนายคงภัทร์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. ในส่วนของนายกิตติ คิดเป็นเงินรวม 653,795 บาท และนายคงภัทร์ คิดเป็นเงินรวม 15,298,309 บาท

อย่างไรก็ตามหากผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดแก่ ก.ล.ต. รวมทั้งขอให้ศาลแพ่งกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 2 เท่าของระยะเวลาที่ ค.ม.พ. กำหนด และระยะเวลาห้ามเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามระยะเวลาสูงสุดที่กฎหมายกำหนด