สัมภาษณ์พิเศษ : เสี่ยแตงโม ตอน ยุคนักลงทุนคุณภาพ

น้ำตา “สมเกียรติ ธนัตถ์เจริญกุล – เสี่ยแตงโม” นักลงทุนเบอร์ 1 ของหาดใหญ่ ไหลออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเขาไม่เคยเสียน้ำตาอีกเลย เพราะอะไร ติดตามได้ใน Hoonsmart.com

เสี่ยแตงโม : ปัจจุบันนี้ ข่าวสารที่มีประโยชน์ต่อนักลงทุนว่องไวมาก นักวิเคราะห์ที่นั่งอยู่ประจำโบรกเกอร์ต่าง ๆ มีความรู้-ความสามารถเยอะมาก ส่วนโบรกเกอร์ก็มีเงินทุนสำรองให้ลูกค้ากู้เป็นจำนวนเงินที่มากมาย ประเด็นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ของนักลงทุนทั้งนั้นครับ ผมยินดีมาก ๆ สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ ๆ ได้รับความสะดวกในการลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบันนี้

ผมขอเล่าการลงทุนในอดีตของผม สมัยนั้นเวลาเทรดเริ่ม 9.00 น. – 12.00 น. ผมตื่นเช้ามาก็มาดูว่า การซื้อขายของผม ผลลัพท์เป็นอย่างไร ซื้อได้ไหม และขายได้ไหม ข่าวสารก็ไม่มี ผมต้องมาโบรกเกอร์ 8.00 น. เพื่อมาดูว่า คำสั่งซื้อ หรือขายผม ผลคืออะไร และเวลา 9.00 น. ก็มีเสียงตามสาย บอกว่า หุ้นตัวนั้น ราคาเป็นอย่างไร พนักงานคอยเขียนราคาที่กระดาน ก็ยืนก้มหน้า เพื่อฟังราคา ไปเขียนตามช่องชื่อหุ้นในกระดาน

ส่วนในห้องค้าใหญ่ในกรุงเทพ ฯ จะมีเทรดเดอร์ ถือกระดาษที่มีคำสั่งซื้อของลูกค้า ( รายใหญ่ ) ถือไปยืนแถว ๆ หุ้นตัวนั้น ที่มีการซื้อขาย มือเทรดเดอร์ก็ยกมือ พร้อม ๆ โชว์กระดาษ คงจะพูดว่า ผมขอซื้อ มีใครขายบ้าง และเทรดเดอร์บางคน ก็ยกมือถามเหมือนกันว่า มีใครซื้อบ้าง ผมก็ดูจากทีวี ช่วงข่าว เศรษฐกิจของวัน แต่ละวันที่มีการแพร่ภาพ ถามว่า ผมรู้จริงมั้ย ผมก็ได้ถามพนักงานบ้าง ว่า ใช่ไหมที่ผมเห็นภาพทางทีวี เทรดเดอร์ไปไล่ซื้อ และไล่ขายกัน พนักงานตอบว่า ใช่ครับ

ผมขอบอกเพื่อน ๆ นะครับว่า แค่มาดูผลการซื้อขาย เพื่อให้รู้วันรุ่งขึ้น ก็เครียดแล้วครับ เพราะอะไร ผมขออธิบายว่า กลางคืนผมดูดัชนีดาวโจน์ ว่า ขึ้นหรือลง พอเช้าวันรุ่งขึ้น หากดาวโจน์บวก ก็อยากจะได้ของที่ซื้อไว้ กลับกันหากดาวโจน์ลบ ( ลงแรง ) ก็ไม่อยากได้หรอกครับ หวังว่าคงจะเข้าใจว่า ผมหมายถึงอะไรนะครับ

บริษัทจะมีคอมพิวเตอร์วางไว้ 1 – 2 เครื่อง ลูกค้าก็ไปใส่รหัสของตัวเอง ไปดูว่าซื้อ หรือขาย คอนเฟิร์มไหม ขอโทษครับ ในวินาทีนั้น ปิดตลาดแล้ว ยังไม่ทราบเลยว่า เป็นอย่างไร ต้องรอวันรุ่งขึ้น ถึงจะทราบดีว่า ได้ หรือไม่ได้ หุ้น

ส่วนทางด้านกราฟของหุ้นรายตัวก็ไม่มีให้ดู ผมกับเพื่อนต้องทำเอง หรือจดจำเอง ตรงนี้ ผมจะไม่ขอเล่า เพราะมันยาวมากเรื่อง ลงเขียนโอ ขึ้นเขียนเอ็กซ์ เป้าหมายผม เพียงจะบอกนักลงทุนว่า ในอดีตเครื่องไม้ เครื่องมือ และอะไรหลาย ๆ อย่าง ความพร้อมในการลงทุนในตลาดหุ้น มันยากเย็น แสนเข็นเพียงใด ก็เท่านั้นครับ

ผิดกับเทรดเดอร์สมัยก่อน ร่ำรวย ขับเบ็นซ์, บีเอ็ม ทั้งนั้น

นักลงทุนในอดีตของตลาดหุ้นไทย ดูแล้วแตกต่างกันมาก เพราะในยุคผม ตัวผมเองก็เป็นนายช่างตัดผมคนหนึ่ง และแม่ค้า พ่อค้าในเมืองหาดใหญ่ ตลอดจนผู้สูงอายุในกลุ่มที่มีเงินเก็บ นำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ยุคใหม่นี้ เริ่มจากผู้มีคุณวุฒิ และนักศึกษา ตลอดจนผู้มีประสบการณ์มากมายจากในอดีต ที่เคยลงทุนในตลาดหุ้นไทยมานาน ดังนั้นความเห็นผม ต่อไปตลาดหุ้นไทย จะต้องมีการพัฒนาการที่ดีเยี่ยมแน่นอนครับ และหากตลาดหุ้นไทย ดีตามที่ผมคาดหวังไว้ ผมก็จะดีใจ ไปพร้อม ๆ กับนักลงทุนทุก ๆ คนครับ

ท้ายที่สุดนี้ การที่ผมออกมาเล่าประสบการณ์ของผมเมื่ออดีต เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น หรือวิธีการลงทุนของผม ประเด็นเกี่ยวกับดอกเบี้ยนอกระบบ ที่ผมใช้สิ่งนี้ในการลงทุน เพราะผมมีหนทางนี้ หนทางเดียวเท่านั้น เพราะในอดีตนั้น การได้วงเงินของบริษัทหลักทรัพย์ ผมไม่ได้รับโอกาสนี้ ด้วยเงินลงทุนอันน้อยนิด แต่มันก็คือเงินจำนวนก้อนใหญ่สำหรับผมครับ

ตลอดระยะเวลาในการลงทุนตลาดหุ้นไทย ผมได้รับคำถามจากนักลงทุนรุ่นน้อง รุ่นพี่ สอบถามผมว่า มีเงินเท่านั้น เท่านี้ ลงทุนในตลาดหุ้นได้ไหม ผมตอบกลับไปทันทีว่า ถึงคุณจะมีเท่าไหร่ มันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะการที่คุณมีเงินลงทุนน้อย มันสำคัญไฉนหล่ะ สิ่งสำคัญเรามีเงิน 10,000 บาท ก็สามารถลงทุนได้ครับ ใครจะพูดอย่างไร เราไม่ควรสนใจ เพราะการลงทุน อยู่ที่ กฏ ระเบียบ ของตลาดหลักทรัพย์ ได้ให้สิทธิ์ผู้ลงทุนเอาไว้แล้ว สรุปสั้น ๆ จะมีเงินน้อยแค่ไหน ก็สามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ครับผม

ผมอยากบอกนักลงทุนเรื่องดอกเบี้ยนอกระบบ การกระทำของผม นักลงทุนมิควรทำแบบผม เพราะมันเสี่ยงมาก ๆ ครับ จริง ๆ แล้ว นักลงทุนควรจะใช้วงเงินที่บริษัทหลักทรัพย์ที่นักลงทุนได้ลงทุนอยู่ทุกวันนี้ เรียกว่า บัญชีเครดิตบาลานซ์ คือ สามารถใช้วงเงินที่บริษัทให้นักลงทุนกู้ได้ครับ ส่วนจะกู้ได้เท่าไหร่ สุดแล้วแต่บริษัทหลักทรัพย์นั้น ให้กู้กี่เปอร์เซ็นของหุ้นแต่ละบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์