COM7 จะเลือกไปทางไหนดี CGS ชี้เป้าซื้อ 24.60 บ.-ทิสโก้ขาย 12 บ.

HoonSmart.com>>หุ้นคอมเซเว่นวิ่งมานาน  ล่าสุดเทรดสนั่นกว่า 700 ล้านบาท ราคากระโดดขึ้นมาปิด 25.25  บาท สวนทางบล.ทิสโก้แนะนำขาย ให้เป้าหมายเพียง 12 บาท คาดไตรมาส 2 ขาดทุน บล.ดีบีเอสฯแนะถือ ตีราคา 20 บาท โดยรวม 7 นักวิเคราะห์เทคะแนนเสียงใกล้เคียงกัน ซื้อ-ถือ-ขาย บล.คันทรี่ กรุ๊ปประเมินมูลค่าสูงที่สุด 24.60 บาท

วันที่ 19 พ.ค. 2563 หุ้นบริษัท คอมเซเว่น ( COM7) ยังคงปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ 25.25 บาท +2.25 บาท คิดเป็น +9.78% วอลุ่มกระโดดขึ้นมา 769 ล้านบาท เทียบกับที่ผ่านมาซื้อขายเพียง 100 ล้านบาทเศษ  โดยราคาปิดสูงกว่าราคาเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ 7 รายให้ไว้ที่ 19.73 บาท ซึ่งแต่ละรายก็มีความเห็นแตกต่างกัน  มีคำแนะนำขายและถือเท่ากัน 2 ราย เชียร์ซื้อ  3 ราย มีบล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) ให้มูลค่าเหมาะสมสูงที่สุด 24.60 บาท

บล.ทิสโก้ออกบทวิเคราะห์ แนะนำ “ขาย” ให้ราคาเป้าหมาย 12 บาท/หุ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพราะมูลค่าหุ้นไม่ถูกแล้ว ราคาปรับตัวขึ้น 36% จากต้นเดือนเม.ย.ในช่วงปิดสาขา ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ P/E 43.6 เท่าจากประมาณการปี 2563 และ 25 เท่าของปี2564

นอกจากนี้การฟื้นตัวของกำไรยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ แม้ว่าเริ่มกลับมาเปิดบางสาขาได้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. และรอมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2  พบว่าสาขาที่เปิด ลูกค้าใช้บริการยังไม่กลับมามากนักเพียง 50% ส่วนใหญ่เป็นสาขาในไฮเปอร์มาร์เก็ตและชอปปิ้งมอลล์

ส่วนการเปิดจอง Iphone SE และจะรับสินค้าได้ในปลายเดือน พ.ค. จะช่วยรายได้ในไตรมาสได้บางส่วน แต่ผลจากมาตรการการปิดเมืองและปิดสาขาจะเห็นได้ชัดเจนในไตรมาส 2 คาดว่าจะขาดทุน เนื่องจากรายได้ที่ลดลงกว่า 66% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และค่าใช้จ่ายลดลงน้อยกว่า คาดกำไรสุทธิจะกลับมาในไตรมาส 3 และฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปี 2564

สำหรับผลงานไตรมาส 1/2563  มีกำไรสุทธิ 288 ล้านบาท เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อนแต่ลดลง 25% จากฐานที่สูงในไตรมาส 4 ที่เป็น high season ซึ่งเป็นไปตามคาดแต่ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ หลักๆ เนื่องมาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (สินเชื่อรถจักรยานยนต์) เพิ่มขึ้นเป็น 49 ล้านบาท หากไม่รวม กำไรอยู่ที่ 251 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ “ถือ” ราคาพื้นฐาน 20 บาท/หุ้น ด้วย P/E ปี 2563 ที่ระดับ 24 เท่า หลังจากกำไรหลักไตรมาส 1 อยู่ที่ 251 ล้านบาท ถือว่าทรงตัวเทียบกับปีที่แล้ว โดยสามารถทำยอดขายได้สูงกว่าที่คาดไว้ แม้กำลังซื้อในประเทศอ่อนลง แต่ค่าใช้จ่ายขาย-บริหารที่สูงก็กดดันกำไร