ดาวโจนส์ปิดเด้งกว่า 360 จุด คาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดเด้งกว่า 360 จุด คาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว  ผลดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกดีกว่าคาดการณ์  ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแรง 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 20พฤษภาคม 2563 ที่ 24,575.90 จุด เพิ่มขึ้น 369.04 จุด หรือ 1.52% ต่ำกว่าจุดสูงสุดของวันหลังจากร่างกฎหมายถอดถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดรอบ 10 สัปดาห์จากผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของกลุ่มค้าปลีก ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจหลังจากกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และดัชนี Nasdaq ห่างจากจุด all time highในเดือนกุมภาพันธ์เพียง 4.5% จากการปรับขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,971.61 จุด เพิ่มขึ้น 48.67 จุด,+1.67%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,375.78 จุด เพิ่มขึ้น 190.67 จุด, +2.08%

นักลงทุนคาดหวังทางบวกจากการที่หลายรัฐเริ่มเตรียมการเปิดเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายข้อห้ามทั้งในภาคธุรกิจและประชาชน ก่อนวันหยุด Memorial Day ในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้ หลังจากบริษัทค้าปลีกรายงานผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด โดยโลว์ส บริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่รายงานยอดขายและกำไรดีกว่าคาดมาก ขณะที่ทาร์เก็ตค้าปลีกรายใหญ่รายงานยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 141% ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งในช่วงการระบาดของไวรัส

หุ้นโลวส์เพิ่มขึ้น 0.15% แต่หุ้นมาร์เก็ตลดลง 3.29%

การปรับตัวขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยียังช่วยหนุนตลาดโดยหุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 1.98% ปิดที่ระดับ all time high หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 6.04% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 1.94% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 2.53% หุ้นไมโครซอฟต์ เพิ่มขึ้น 1.39%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลาง(เฟด) ซึ่งส่งผลให้งบดุลเพิ่มขึ้นมาที่ 7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยรายงานการประชุมวันที่ 28-29 เมษายนระบุว่า กรรมการเฟดยังได้พิจารณาแนวทางที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับอีกนาน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดอาจจะใช้มาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนเพื่อลดความผันผวนที่มีผลต่ออัตราดอกเบี้ยระยะยาว เนื่องจากเฟดไม่ต้องการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบ

อย่างไรก็ตามตลาดหลุดจากจุดสูงสุดของวัน หลังจากร่างกฎหมายถอดถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act นี้บังคับให้บริษัทจีนต้องยึดปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์สหรัฐฯไปจนถึงการห้ามหลายบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ หรือระดมทุนเงินจากนักลงทุนสหรัฐฯ แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรก่อนประธานาธิบดีลงนามให้เป็นกฎหมาย

หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากการเปิดเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ตส์เพิ่มขึ้น 8.84% หุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 5.19%

หุ้น Moderna ลดลง 10.41%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ขึ้นกว่า 2% นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวหลังจากที่หลายประเทศเริ่มคลายล็อกดาวน์

ในอังกฤษดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเมษายนลดลงมาที่ 0.8% จากระยะเดียวกันของปีก่อนและจาก 1.5% ในเดือนมีนาคม

สำนักงานสถิติยุโรป (Eurostat) ปรับเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนเมษายนลดลงมาที่ 0.3% จาก 0.4% เป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่สิงหาคม 2016

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,067.16 จุด เพิ่มขึ้น 64.93 จุด, +1.08%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 342.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.33 จุด, +0.98%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,496.98 จุด เพิ่มขึ้น 38.82 จุด, +0.87%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,223.71 จุด เพิ่มขึ้น 148.42 จุด, +1.34%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 33.49 ดอลลาร์/บาร์เรลดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม1.10 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 35.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล