ดาวโจนส์ปิดลบ 8 จุด รับผ่อนคลายล็อกดาวน์-วัคซีนคืบ

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 8 จุด รับผ่อนคลายล็อดาวน์-กลับมาหวังพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 คืบหน้า ท่ามกลางความวิตกความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วง ราคาน้ำดิบลดลงกว่า 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ที่ 24,465.16 จุด ลดลง 8.96 จุด หรือ 0.04% จากความหวังการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และการเปิดเศรษฐกิจหลังจากทั้ง 50 เตรียมการที่จะผ่อนคลายล็อกดาวน์ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์อีกหากเกิดการระบาดรอบสอง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,955.45 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด, +0.24%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,324.59 จุด เพิ่มขึ้น 39.71 จุด หรือ +0.43%

ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนี DJIA ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3% เป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ส่วนดัชนี S&P500 และ ดัชนี Nasdaq ต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 3%

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า บริษัท Moderna ที่กำลังพัฒนาวัคซีน เปิดเผยว่า ร่างกายอาสาสมัครที่ร่วมการทดลองทั้ง 45 คนพัฒนาแอนติบอดีหลังจากได้รับวัคซีน ขณะที่สหรัฐฯกำลังเร่งหาอาสาสมัครกว่า 100,000 รายเพื่อเข้าร่วมทดลองวัคซีน

ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและภูมิแพ้ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอ็นพีอาร์ ว่า ข้อมูลการทดลองวัคซีนของ Moderna มีแนวโน้มที่ดี ส่งผลให้หุ้น Moderna เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% และดร.เฟาซียังเชื่อมั่นว่าจะสามารถคิดค้นยารักษาไวรัสได้ภายในปีนี้

อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังกังวลความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ซึ่งอาจะมีผลให้บริษัทจีนต้องถอนตัวออกจากตลาดทุนสหรัฐฯ และประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะตอบโต้จีนรุนแรงหากจีนออกกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงเพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง

เมื่อคืนนี้จีนเผยแพร่ร่างกฎหหมายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อใช้บังคับกับฮ่องกง หลังจากที่เกิดการประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่ในปีที่แล้ว ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งของจีนในการใช้กลไกในการบังคับใช้กฎหมายกับฮ่องกงมากขึ้น

ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์เผยว่า ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทและสถาบันอื่นของจีน 33 แห่ง เนื่องจากละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ

การลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงานมีผลต่อตลาด หลังราคาน้ำมันลดลง โดยหุ้นเชฟรอน ลดลง 1.9%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม 67 เซนต์ หรือ -2% ปิดที่ 33.25 ดอลลาร์/บาร์เรลดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 93 เซนต์ หรือ -2.6% ปิดที่ 35.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันMemorial Day

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นักลงทุนกังวลว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจจะมีผลต้อข้อตกลงการค้าระยะแรก โดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.6% แต่กลุ่มเดินทางและสันทนาการเพิ่มขึ้น 0.8%

ในอังกฤษยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากแป็นประวัติการณ์ 62.1 พันล้านปอนด์ ยอดค้าปลีกลดลงมากถึง 18% จากการระบาดของไวรัส

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,015.25 จุด ลดลง 51.91 จุด, -0.86%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 340.17 จุด ลดลง 0.09 จุด, -0.03%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,445.45 จุด ลดลง 51.52 จุด, -1.15%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิด11,065.93 จุด ลดลง 157.78 จุด, -1.41%

หุ้นลอยด์แบงก์ลดลง 1.0% หลังผู้ถือหุ้นไม่เห็นด้วยที่จะจ่ายโบนัสให้ผู้บริหารระดับสูง หุ้นลุฟท์ฮันซาลดลลง 1.12% หลังขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล 10 พันล้านดอลลาร์