บลจ.ทิสโก้ ออกทริกเกอร์ฟันด์ช้อนหุ้นรับปัจจัยบวกครึ่งปีหลัง

บลจ.ทิสโก้ จับจังหวะหุ้นไทยย่อตัว ส่งกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#2 ลุ้นดัชนีเด้งรับข่าวดีครึ่งปีหลัง เสนอขาย IPO ตั้งแต่วันนี้ ถึง 26 มิ.ย.61

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค จากปัจจัยความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่หากกลับมาดูพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแล้วพบว่า ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งเห็นได้จากตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1/2561 ออกมาดีกว่าตลาดคาด โดยเติบโตถึง 4.8% ทำให้บลจ.ทิสโก้มองว่า GDP ทั้งปี 2561 ของไทยจะเติบโตในระดับสูงกว่า 4% และตามปกติแล้วในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐจะเร่งลงทุน ซึ่งในปีนี้ยังมีการลงทุนจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มาเสริมอีกด้วย ประกอบกับสถานการณ์การเมืองไทยจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 /2561 ถึงไตรมาสที่ 4/2561 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงราคาของหุ้นไทยในช่วงนี้พบว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยอัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของทั้งตลาดอยู่ในระดับต่ำกว่า 15 เท่า ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2561 บลจ.ทิสโก้คาดว่าจะมีหลายบริษัทที่มีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด เพราะจะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง

บลจ.ทิสโก้ มองว่าในช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงครั้งนี้เป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุน และเพื่อเป็นการจับจังหวะการลงทุนให้กับลูกค้า จึงเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#2 (TEQT5M2) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) โดยตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนของกองทุน ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนแรก ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และเป้าหมายดังกล่าวเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 26 มิ.ย.2561 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

“ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เหตุผลหลักมาจากกระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลออก เพราะนักลงทุนกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากภาวะการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้งในปีนี้จากเดิมที่ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 3 ครั้งในปีนี้ หนุนให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ซึ่งหลายประเทศในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจจะอยู่ในสภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และมีภาระหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับสูง แต่ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหานั้น แต่กลับมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้คาดว่าจะออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุน” นายสาห์รัช กล่าว