ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 700 จุด กังวลล็อกดาวน์

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทรุด 2% เศษ  วิตกจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น  ใช้มาตรการกักตัว กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  กังวลสงครามการค้าสหรัฐ-ยุโรป  IMF ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้หดตัว -4.9%   ราคาน้ำมันดิบทรุด 5% 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 24 มิ.ย. 2563 ที่ 25,445.94 จุด ร่วงลง 710.16 จุด หรือ 2.72% เป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในหลายรัฐ จะมีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกังวลวิตกว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบสอง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,050.33 จุด ลดลง 80.96 จุด, -2.59%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,909.17 จุด ลดลง 222.20 จุด, -2.19%

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐฟลอริดาและแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ และจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในห้องไอซียูที่รัฐเท็กซัสถึง 97%

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงมากสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่ม หลังจากราคาน้ำมัน WTI ลดลงกว่า 5% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 4.7% หุ้นเชฟรอน ลดลง 4.17% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 8.7%

รัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และคอนเน็ตติกัต ประกาศให้ผู้ที่เดินทางจากรัฐอื่นที่มีการติดเชื้อสูงเข้ามาต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งมีผลกับ 9 รัฐ ทำให้นักลงทุนกังวลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กำลังเริ่มฟื้นตัว เพราะมีผลกระทบต่อการเดินทางให้น้อยลง ขณะที่รัฐเท็กซัสแนะนำให้ประชาชนอยู่กับบ้าน นอกจากนี้การแพร่กระจายของไวรัสได้ขยายไปยังพื้นที่นอกเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตร ด้านทำเนียบขาวมีแผนจะใช้เงินรัฐบาลกลางเพื่อทดสอบไวรัสใน 13 จุดทั่วประเทศภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

นอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับยุโรป หลังสหรัฐฯเตรียมที่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และอังกฤษมูลค่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมเบียร์ ยิน น้ำมันมะกอก และรถบรรทุก นอกจากนี้ยังขู่ที่จะใช้มาตรการภาษีรอบใหม่กับอลูมิเนียมนำเข้าจากแคนาดาในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เพราะข้อตกลงการค้า USMCA ระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก แคนาดาจะมีผลบังคับใช้

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) โดยปรับลดเป็นติดลบ 4.9% ในปีนี้ส่วนปี 2021 คาดว่าจะขยายตัว 5.4%

นายชาร์ลส์ อีแวน ประธานธนาคารกลาง(เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังต้องมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม เพราะเงินเฟ้อยังต่ำและเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลงอีก

หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ลดลงมาก โดยในกลุ่มการสายการบิน หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 8.34% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 6.86% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ลดลง 7.19% ในกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ และกลุ่มโรงแรม หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ลดลง 11.26% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ลดลง 11.26% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ลดลง 6.2% หุ้นฮิลตัน เวิล์ดไวด์ โฮลดิ้ง ลดลง 3.2% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล ลดลง 8.3%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ร่วง นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่ลดลงกว่า 4.5% นักลงทุนวิตกต่อจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และในเยอรมนี รวมทั้งวิตกต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับยุโรป

ในเยอรมนีสถาบัน Ifo เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ 86.2 จาก 79.5 ในเดือนก่อน และสูงกว่าที่คาด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,123.69 จุด ลดลง 196.43 จุด, -3.11%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 357.17 จุด ลดลง 10.23 จุด, -2.78%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,871.36 จุด ลดลง 146.32 จุด, -2.92%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,093.94 จุด ลดลง 429.82 จุด, -3.43%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.36 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 38.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.32 ดอลลาร์ หรือ 5.4% ปิดที่ 40.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล