GULF เล่น “เกมส์เงินต่อเงิน” ดันหุ้น บจ.ลอกเลียนแบบได้ ไม่ยาก

HoonSmart.com>>ไอเดียสุดเจ๋ง ! บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ใช้เงินประมาณ 8,000 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) จำนวน 147 ล้านหุ้น แต่สามารถเพิ่มมูลค่ากิจการได้สูงกว่า 2 หมื่นล้านบาทอย่างรวดเร็ว   แถมยังช่วยแก้จุดอ่อนเรื่องหุ้นแพงได้อีกทางหนึ่ง  โดยใช้อำนาจเงินมาเพิ่มกำไรสุทธิอย่างง่ายดาย และในอนาคตน่าจะเห็นความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรใหม่ โมเดลนี้คิดได้อย่างไร….

เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา มีข่าวดังเรื่องบริษัท GULF ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท INTUCH อันดับที่สี่ จำนวน 147 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.59% ของทุนเรียกชำระแล้ว เป็นประเด็นให้นักลงทุนที่ชาญฉลาด ไล่ซื้อหุ้นกัลฟ์ฯจนราคากระโดดขึ้นไป ปิดที่ 37.50 บาท +2 บาทหรือ 5.63% เพียงวันเดียว มูลค่ากิจการเพิ่มพรวดถึง 21,333 ล้านบาท และราคามีโอกาสทะลุ 40 บาทไปได้ จากที่ย่ำอยู่บริเวณ 37-38 บาทมานาน

กัลฟ์ฯเป็นโฮลดิ้งที่ประกอบธุรกิจหลักโรงไฟฟ้าใหญ่สุดในประเทศไทย มีศักยภาพที่สามารถกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ได้ดอกเบี้ยต่ำมาก ไม่เกิน 3% ต่อปี และมีสภาพคล่องส่วนเกิน จึงตัดสินใจใช้เงินประมาณ 8,000 ล้านบาท ลงทุนในหุ้นอินทัชฯ จำนวน 147 ล้านหุ้น เพื่อได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอ ตกปีละ 390 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนมากกว่า 4% ต่อปี หากในปี 2563 สามารถจ่ายหุ้นละ 2.65 บาทเท่ากับปี 2562  โดยจะเริ่มรับกำไรพิเศษตั้งแต่กลางปีนี้ ประมาณ  199 ล้านบาท ( 1.35 บาท/หุ้น) ปลายปีอีก 191 ล้านบาท(1.30 บาท/หุ้น) และในปีต่อๆไป

GULF ยิงปืนนัดเดียว ได้นกมากกว่าสองตัว

นกตัวแรกคือกำไรพิเศษจากเงินปันผล ปีละ 390 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 9% ของกำไรในปีที่ผ่านมา จำนวน 4,886 ล้านบาทหรือกำไรหุ้นละ 2.29 บาท

นกตัวที่สอง กำไรต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้น จะช่วยทำให้ P/E ที่สูงถึง 125.76 เท่า และ P/BV 15.90 เท่า ลดลงโดยอัตโนมัติ ส่งผลต่อเนื่องถึงราคาหุ้น

นกตัวที่สาม กัลฟ์และอิทัชฯที่มีลูกรักคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) จะมีความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต

บริษัทยิ่งใหญ่จับมือกันจะเกิดอภิมหาโปรเจกต์อย่างแน่นอน ต้องติดตามดูกันต่อไป

ด้านบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดการณ์อินทัชฯจะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 2.30 บาท สำหรับปี 2563 ซึ่งจะมีผลต่อกำไรสุทธิของ GULF เพิ่มขึ้นประมาณ 7-10%

นั่นหมายความว่า หุ้น GULF จะกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่ยอมรับกันไม่ได้ หากจะต้องซื้อหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงเฉียด 4 แสนล้านบาท ด้วยราคาแพงหูฉี่ P/E ถึง 125 เท่า เทียบกับตลาดโดยรวมที่มี P/Eเฉลี่ย เพียง 20 เท่าเท่านั้น

” หุ้น GULF มีหุ้นอ่อนตรงที่ P/E และ P/BV สูง เมื่อนำกำไรพิเศษปันผลกับกำไรหลัก จากการขยายธุรกิจ ทำให้สัดส่วนทั้งสองลดลงได้เร็ว ย่อมทำให้นักลงทุนกระโดดกลับเข้ามาลงทุนหุ้น GULF อีกครั้ง และจุดพลุให้หุ้นไฟฟ้าขยับตัวตาม”

ไอเดียของกัลฟ์ฯ น่าจะเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียน(บจ.) ที่มีอำนาจในการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ และมีกระแสเงินสดเหลืออยู่ หันมาพิจารณาเรื่องการซื้อหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ  เพื่อสร้างกำไรพิเศษในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก ซึ่งการลงทุนในหุ้นชั้นเยี่ยม  นักลงทุนเห็นตัวอย่างที่ดีจาก บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) ที่มีการซื้อหุ้นลงทุนอย่างต่อเนื่อง  นอกจากหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลและส่วนต่างจากราคาหุ้นแล้ว ยังมองเห็นโอกาสมาช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันในระยะยาวอีกด้วย