“พรินซิเพิล”มองกรอบหุ้น 1,200-1,500 จุด แนะระวังลงทุน เลี่ยงแบงก์-พลังงาน

HoonSmart.com>> บลจ.พรินซิเพิล แนะระมัดระวังลงทุน หลังหุ้นขึ้นมาเร็ว พี/อีสูง 19 เท่า ชี้ “ท่องเที่ยว” ไม่ฟื้นเร็วฉุดการฟื้นตัวเศรษฐกิจ จับตากำไรบจ.อาจฉุดหุ้นันผวนอีกระลอก แนวรับ 1,200 จุด ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้น คุม COVID-19 ดีต่อเนื่อง ลุ้นดัชนีแตะ 1,500-1,600 จุด แนะลงทุนหุ้น Defensive-หุ้นผล “กลุ่มไฟฟ้า ประปา สาธารณูปโภค” ธุรกิจโรงพยาบาล อาหารและค้าปลีก ผลกระทบน้อย พร้อมเลี่ยงกลุ่ม “แบงก์-พลังงาน” ราคาขึ้นมาก เสี่ยง NPL-ราคาน้ำมันร่วง

วิน พรหมแพทย์

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรินซิเพิล เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาเร็ว พี/อีสูง 19 เท่า ในขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ถูกปรับลดลง 26% ซึ่งมากสุดในตลาดภูมิภาค โดยตลาดฟื้นตัวสะท้อนความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ได้ดีและเปิดเศรษฐกิจได้ก่อน แต่ตลาดมีโอกาสผันผวน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ดังนั้นเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้น

“การกระตุ้นท่องเที่ยวเริ่มจากกระตุ้นไทยเที่ยวไทย ส่วนการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวแบบ Travel Bubble คงทำได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปีกว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเท่ากับก่อนเกิดโควิด-19 รวมทั้งยังต้องติดตามกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และหากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวอาจเห็นความผันผวนของตลาดอีกรอบ”นายวิน กล่าว

สำหรับแนวโน้มดัชนีในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสแตะ 1,500-1,600 จุด หากประคองตัวฟื้นได้ดี และมี Travel Bubble สำเร็จมีต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไตรมาส 4 ปีนี้ และไม่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 รอบสองเพิ่มรุนแรง หากทุกอย่างคลี่คลายโอกาสเห็น 1,500 จุดหรือมากกว่าเป็นไปได้ แต่ในทางตรงกันข้ามหากเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามาได้ไม่เร็ว การแพร่ระบาดรอบสองต้องกลับมาล็อกดาวน์ซึ่งกังสบการจ้างงานในบางอุตสหกรรม จึงอาจเห็นดัชนีปรับตัวลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันเริ่มลดลงก็จะกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งอาจเห็นดัชนี 1,200 จุดได้อีกรอบ แต่คงไม่ลงแรงเท่ากับช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าจะมีแรงซื้อหุ้นเข้ามารับ

นายวิน กล่าวว่า สำหรับทิศทางดอกเบี้ยไทยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดมา 3 ครั้งแล้ว ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลืออยู่ที่ 0.5% คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำนี้ไปจนสิ้นปีนี้ โดยมองโอกาสปรับลดดอกเบี้ยมีน้อย เนื่องจากธปท.ต้องเก็บกระสุนไว้เผื่อเหตุการณ์ที่แย่ ส่วนดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวน่าจะเห็นความผันผวนอยู่ จากการปิดกองทุน และเปิดประมูลพันธบัตรรุ่นใหม่ เพราะรัฐบาลมีความจำเป็นต้องนำเงินไปใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวนมาก จึงเห็นโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น หุ้นกู้เอกชน Credit Rating ระดับ A ยังน่าสนใจ และมีสภาพคล่องที่ดี

ส่วนเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามาตลาดเอเชียบ้าง รวมถึงตลาดหุ้นจีน ผ่านการลงทุนในกองทุน ETF ที่ให้น้ำหนักตามการลงทุนตามดัชนีอ้างอิง หากนกลงทุนเห็นว่าไทยน่าสนใจ ควบคุมเชื้อ COVID-19 ได้ดี ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นโอมีโอกาสที่เงินจะไหลเข้ามาลงทุน จากที่ผ่านมาต่างชาติขายต่อเนื่อง 2 แสนล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปเป็นกลุ่มที่ซื้อหุ้น

สำหรับหุ้นกลุ่มที่น่าจะได้ผลดีจากเงินไหลกลับคือหุ้นกลุ่ม Defensive หุ้นปันผลดี ธุรกิจมีความผันผวนน้อยจากภาวะเศรษกิจ COVID-19 เช่น กลุ่มไฟฟ้า ประปาและสาธารณูปโภค ส่วนธุรกิจที่กระทบน้อย ได้แก่ โรงพยาบาล อาหารและค้าปลีก

“หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาจต้องรอจังหวะ เพราะราคาปรับตัวขึ้นมาพอสมควร รวมทั้งยังต้องติดตามหนี้เสีย (NPL) หลังจากรัฐมีมาตรการยืดเวลาชำระหนี้ถึงปลายปี อาจจพยุงเวลารอสถานการณ์ จึงยังไม่ให้น้ำหนักกลุ่มธนาคารมาก ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานราคาขึ้นมาเยอะเช่นกันจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น จึงไม่แนะนำให้ลงทุนมาก เพราะหากราคาน้ำมันลดลงจะฉุดหุ้นพลังานลงตามด้วย ซึ่งต้องระมัดระวังแนะนำให้เลี่ยงการลงทุนในช่วงนี้ก่อน”นายวิน กล่าว

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจนพี/อีอยู่ระดับสูง ได้แรงหนุนจาก FED อัดฉีดสภาพคล่อง รวมถึงหุ้นกลุ่มธุรกิจการศึกษาและบางธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และบางกลุ่มได้ผลบวกต่อธุรกิจ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาก ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงแซงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว

ส่วนการลงทุนใน REIT ทั่วโลกมองว่ายังเป็นโอกาสในการลงทุน โดยปัจจุบันราคาฟื้นตัวขึ้นมาติดลบประมาณ 10% จากลดลงไป 20% เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยเฉพาะโรงแรม ค้าปลีกที่กระทบโดยตรงราคาปรับลดลงถึง 50% ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบน้อย เช่น บ้านเช่า โลจิสติกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ โดยคาดเงินปันผลจากการลงทุน REIT ทั่วโลกประมาณ 4.2% ซึ่งน่าสนใจลงทุน

อ่านข่าว

บลจ.พรินซิเพิล เปิดตัวกองทุน GEDTECH รับเทรนด์ธุรกิจ EdTech โตแรง