แรงเชียร์ซื้อ SCC ดังมาก ปิโตรฯหนุน เพิ่มเป้าราคาหุ้น

HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำให้ซื้อหุ้น ปูนซิเมนต์ไทย ปรับราคาเป้าหมายเพิ่ม มองกำไรไตรมาส 2/63  สุดหรูกว่า  9,000 ล้านบาท  ธุรกิจปิโตรฯหนุนทั้งมาร์จิ้นโต ปริมาณขายเพิ่ม  ผลงานครึ่งปีหลังจะชะลอลง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งคาดกำไรทั้งปี 30,497 ล้านบาท ติดลบ 5% ส่วนปี 64  ฟื้นตัว 34,263 ล้านบาท โต 12% 

บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อ หุ้น SCC ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 417 บาท คาดไตรมาส 2/63 กำไรโต มูลค่าหุ้นไม่แพง ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปีนี้ 13 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่ 15 เท่า และได้ตัวช่วยการนำบริษัทย่อย SCGP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

คาดไตรมาส 2/63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 9 พันล้านบาท เติบโต +28%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ +29%จากไตรมาสแรก จาก 4 ปัจจัย ได้แก่ 1. มาร์จิ้นปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 2. มีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม 3. ผลประกอบการธุรกิจบรรจุภัณฑ์แข็งแกร่ง โดยเฉพาะประเทศในอาเซียนที่ไม่รวมไทย และ 4 มีกำไรจากสต็อกปิโตรเคมี ประมาณ  434 ล้านบาท พลิกจากไตรมาสแรกขาดทุนสต็อก 1.11 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังคงซบเซา คาดยอดขายซีเมนต์ในไตรมาส 2 ทรงตัว แม้ว่าอุปสงค์จากโครงการภาครัฐเติบโตได้ (40% ของยอดขายซีเมนต์รวม) แต่ยอดขายภาคเอกชนลดลง เนื่องจากมีการล็อกดาวน์การก่อสร้างชะลอตัวลง สำหรับดีมานด์วัสดุก่อสร้างอื่นๆ ก็ซบเซา ส่วนราคาขายซีเมนต์ทรงตัวจากไตรมาสแรก

แนวโน้มไตรมาส 3 ธุรกิจปิโตรเคมียังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะขยับขึ้น ซึ่ง สเปรดของ HDPE และ PP เทียบกับ Naphtha เพิ่มขึ้น +1% และ +2% ตามลำดับ

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)แนะนำ “ซื้อช่วงอ่อนตัว” หลังหุ้นปรับขึ้น 43% จากจุดต่ำสุดเดือน มี.ค. และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 64 จาก 380 บาท เป็น 400 บาท/หุ้น คาดบริษัทประกาศผลงานไตรมาส 2 ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ กำไรจะฟื้นตัวดีขึ้นเป็น 9,250 ล้านบาทแรงหนุนธุรกิจเคมิคอลส์ ที่สเปรดและปริมาณขายเพิ่มขึ้น 475,000 ตัน (+13%QoQ, 0%YoY) เนื่องจากความต้องการที่ยังดี จีนกลับมาสั่งซื้อมากขึ้น และ บวกเพิ่มจากสต็อกที่สะสมไว้ในไตรมาสแรก ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และ แพคเกจจิ้ง มีความยืดหยุ่นดี ภายใต้ปัจจุบันลบโควิด-19 ระบาด แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดจะชะลอตัวลงไตรมาส 2 สเปรดปิโตรเคมี เริ่มชะลอตัวลดลง และในไตรมาส 4 จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานปิโตรเคมี MOC 45วัน

ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ไปทั่วโลก กระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ และ ห่วงโซ่อุปทาน แต่ผลประกอบการของ SCC มีความยืดหยุ่น รับสถานการณ์ได้ดี คาดกำไรปีนี้จะติดลบเพียงเล็กน้อย ครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงจากไตรมาสไตรมาสที่ 2 โดยในปี 2562 มีการตั้งสำรองจำนวนมาก คือ กฏหมายแรงงานใหม่ 2,035 ล้านบาท กลับรายการสินทรัพย์ภาษีรอตัดบัญชี 1,063 ล้านบาท และ ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 1,152 ล้านบาท รวม 4,250 ล้านบาท ปี 2563 คาดจะไม่มีการตั้งสำรองอีก คาดปี 2563 กำไรของ SCC จะประคองตัว 30,497 ล้านบาท ติดลบจากปีก่อนไม่มากนัก 5% ส่วนปี 2564 คาดจะฟื้นตัวดีขึ้น 34,263 ล้านบาท โต 12%

บล. หยวนต้า แนะนำ “เทรดดิ้ง” ปรับราคาเป้าหมายจาก 370 บาท เป็น 395 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อนการเติบโตในปีหน้า

บล.กรุงศรี แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 350 บาท ธุรกิจเคมีที่แข็งแกร่งช่วยบรรเทาผลกระทบโควิด จากอัตรากำไรเคมีภัณฑ์และปริมาณขายที่ดีขึ้นส่วนปริมาณขายเคมีภัณฑ์และซีเมนต์จะอ่อนตัวลงในไตรมาส 3 การปิดโรงงาน MOC จะเป็นปัจจัยกดดันกำไรในไตรมาสที่ 4