ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 550 จุด ผู้ว่าเฟดหนุนซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่อง

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 550 จุด ผู้ว่าเฟดหนุนซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่อง หนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจท่ามกลางโควิดระบาด ตลาดหุ้นยุโรปร่วง ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 1 4กรกฎาคม 2563 ที่ 26,642.59 จุด พุ่งขึ้น 556.79 จุด หรือ 2.13% หลังจากนางลาเอล เบร์นาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลาง (เฟด) เสนอให้เฟดซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนสูงอันเป็นผลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การล็อกดาวน์รอบสองในบางรัฐหลังจากผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ย่ำแย่ลง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,197.52 จุด เพิ่มขึ้น 42.30 จุด , +1.34%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,488.58 จุด เพิ่มขึ้น 97.73 จุด, +0.94%

นางลาเอล เบร์นาร์ดยังเตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีความเป็นไปได้ที่จะเจออุปสรรคระยะหนึ่งและจำเป็นที่ต้องมีนโยบายสนับสนุนต่อไปอีก
ขณะเดียวกันนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ยังแสดงความเห็นทางบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยระบุว่าอัตราการว่างงานอาจจะลดลงอย่างมากในอีก 6 เดือนข้างหน้า หากดำเนินนโยบายที่เหมาะสมและหากว่าแรงงานที่ออกจากงานก่อนหน้ากลับเข้าระบบอีกครั้งหนึ่ง

ตลาดได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มวัสดุ ขณะที่กลุ่มธนาคารทะยอยรายงานผลการดำเนินงานซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์จากมิซูโฮ ซีเคียวริตี้ส์ประเมินเศรษฐกิจจะใช้เวลา 1 ปีเต็มกว่าจะฟื้นตัวไม่ใช่ 6 เดือน ขณะที่การสั่งปิดบาร์ ร้านอาหาร สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์ก ทำให้กังวลว่าการฟื้นตัวอาจจะนานกว่าที่คาดแม้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแล้ว นอกจากนี้ฝรั่งเศส อังกฤษขยายระยะเวลาการสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากาก ส่วนฮ่องกง อินเดียกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดอีกรอบ

กระทรวงแรงงานเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2%

สภาธุรกิจอิสระแห่งชาติ(National Federation of Independent Business) เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 100.6

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนย่ำแย่ลง และกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทำเนียบขาวปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิของจีนในทะเลจีนใต้ และจีนประกาศคว่ำบาตรบริษัทล็อดฮีดมร์ติน คอร์ป ตอบโต้ที่สหรัฐฯอนุมัติขายอาวุธให้ไต้หวัน

หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 0.57% จากกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 3.93% แม้กำไรในไตรมาส 2 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 4.57% จากผลขาดทุนในไตรมาส 2 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ลดลง 2.65% จากผลขาดทุนในไตรมาส 2
หุ้นเอ็กซอน โมบิลเพิ่มขึ้น 3.31% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 3.45%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงนำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 2.8% จากความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
ในอังกฤษ จีดีพีเดือนพฤษภาคมขยายตัว 1.8% จากที่ติดลบ 20.4% ในเดือนเมษายน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 367.40 จุด ลดลง 3.10 จุด, -0.84%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,179.75 จุด เพิ่มขึ้น 3.56 จุด, +0.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,007.46 จุด ลดลง 48.77 จุด,-0.96%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,697.36 จุด ลดลง 102.61 จุด, -0.80%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 19 เซนต์ ปิดที่ 40.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 18 เซนต์ ปิดที่ 42.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 550 จุด ผู้ว่าเฟดหนุนซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นโตเกียว-เอเชียเช้าบวกตามดาวโจนส์