“W” มั่นใจดีลซื้อ Domino’s Pizza สวนทาง IFA ค้าน

HoonSmart.com>>”วาว แฟคเตอร์” ชี้แจงที่ปรึกษาการเงินอิสระให้ความเห็นผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติซื้อ Domino’s Pizza  คาดขาดทุนนาน 5 ปี บริษัทยันบนสมมติฐานต่างกัน มองเห็นโอกาสเติบโต ยอดขายก้าวกระโดด คาดกระแสเงินสดธุรกิจพิซซ่าเป็นบวกในปี 65

นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) และตัวแทนฝ่ายบริหารของ บริษัท วาว แฟคเตอร์ (W) เปิดเผยกรณีที่ปรึกษาการเงินอิสระ (IFA) ให้ความเห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการทำรายการซื้อธุรกิจ “Domino’s Pizza” ว่า ไม่ได้กังวลใจ เนื่องจาก IFA มองต่างกับบริษัท เช่น ค่าตอบแทนการซื้อธุรกิจที่สูงกว่ามูลค่าธุรกิจที่ประเมิน บนสมมติฐาน การเติบโตของจำนวนบิลต่อสัปดาห์ต่อสาขา (AWO) ที่ 5.5% ต่อปี แต่บริษัทมองการเติบโตที่ 15% ต่อปี ในปี 2565 – 2566 และเติบโตประมาณ 4.6% ต่อปี ในปีที่เหลือ เพราะเห็นจุดแข็งของแบรนด์ และสามารถปรับปรุงเพื่อเสริมความแข็งแกร่งได้อีก

บริษัทมั่นใจว่าสามารถทำได้ทันทีในปีแรกที่เข้าลงทุน คือการปรับปรุงรูปแบบ Website ให้สะดวกและง่ายต่อการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึงการพัฒนาความระบบขนส่งสินค้าและ Call Center ให้มีมาตรฐาน การนำระบบเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และที่สำคัญที่สุดคือการปรับปรุงมาตรฐานของแป้งและหน้าพิซซ่าให้คงที่  ไม่ว่าลูกค้าจะสั่งจากสาขาไหนหรือด้วยวิธีการไหนความอร่อยและมาตรฐานของสินค้าต้องเท่ากัน และมีแผนจะออกพิซซ่าหน้าใหม่ๆ ที่ถูกปากคนไทย และเหมาะสมกับแต่ละเทศกาลอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ยอดขายเติบโตก้าวกระโดดในปี 2565-2566

นายศิรัตน์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้เวลาในการศึกษาดีลที่นำไปสู่มิติใหม่ของธุรกิจอาหารของ W ได้ แม้ว่าจะใช้เม็ดเงินในการซื้อธุรกิจประมาณ 426 ล้านบาท แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากการได้มาซึ่งสิทธิในแฟรนไชส์ระดับโลก แทบจะไม่ได้มีให้เห็นในประเทศไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา และ “Domino’s Pizza” ก็เป็นแบรนด์ที่ใหญ่มาก ถ้าเทียบจำนวนสาขาแฟรนไชส์เฉพาะนอกสหรัฐอเมริกา ของ Starbucks และ Domino’s Pizza พบว่ามีไซส์ที่ใกล้เคียงกัน

“ดีลนี้อาจเป็น “Once in a life time” และได้ร้านพิซซ่าที่พร้อมบริหารได้ทันที 27 สาขา พร้อมทั้งครัวกลาง รวมถึงได้รับการสนับสนุนจาก DPI ทั้งเรื่อง Know how การพัฒนาธุรกิจ รวมถึงระบบ IT และ Call Center ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับร้าน “Domino’s Pizza” ทั่วโลก จึงมั่นใจว่าการจะเดินไปสู่ความสำเร็จของเราเป็นไปได้สูง เช่นเดียวกับผู้รับสิทธิในการทำธุรกิจนี้จาก DPI ในหลายๆ ประเทศที่สามารถสร้างธุรกิจจนมีมูลค่าเป็นหมื่นล้านได้”นายศิรัตน์กล่าว

ส่วนประเด็นเรื่องเงื่อนไขการซื้อขายกิจการที่ W ทำกับผู้ขายไม่เป็นธรรมนั้น นายศิรัตน์เผยว่า เงื่อนไข ได้ผ่านการเจรจามาอย่างยาวนานและบริษัทได้ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการเจรจาจนได้มาซึ่งเงื่อนไขตามที่ได้เปิดเผยต่อผู้ถือหุ้นแล้ว และเป็นเงื่อนไขสุดท้ายที่ผู้ขายจะยินยอมสำหรับการขายธุรกิจครั้งนี้ มากไปกว่านั้น W ก็ไม่ใช่เจ้าเดียวที่สนใจซื้อธุรกิจนี้จากผู้ขายอีกด้วย

สำหรับประเด็นจะมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในช่วงแรก และจะเริ่มเห็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) หลังปีที่ 5 นั้น นายศิรัตน์กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งเม็ดเงินและแผนพัฒนาธุรกิจเพื่อรองรับผลขาดทุนและพลิกฟื้นกิจการให้มีผลกำไรโดยเร็ว หากพิจารณากระแสเงินสด (EBITDA) จะเริ่มเป็นบวกในปี 2565 หรือใช้เวลาเพียง 3 ปี หลังการเข้าลงทุนเท่านั้น

นายศิรัตน์ กล่าวว่า W มั่นใจว่าได้เดินมาถูกทางในธุรกิจอาหาร โดยในเดือนที่ผ่านมาร้านอาหารแทบทุกร้านของกลุ่ม W กลับมีผลประกอบการที่ดี และหลายๆ ร้านกลับดีกว่าที่เคยทำได้ก่อนช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาด ซึ่งเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ และมีแผนที่จะดำเนินการต่อไป ทั้งการกระจายสาขาและช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้นของ Bake Cheese Tart, Zaku Zaku และ Rapl การจัดโปรโมชั่นและพัฒนาเมนูให้ตอบโจทก์ลูกค้ามากยิ่งขึ้นของ Kagonoya และการรักษามาตรฐานการให้บริการที่ดีเยี่ยมของ Le Boeuf, Creps & Co สำหรับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ“Domino’s Pizza” จะเป็นการเสริมทัพความแข็งแกร่งของธุรกิจอาหารของกลุ่ม W อีกด้วย