PPS โค้งแรกพลิกขาดทุน 8 ลบ.พิษโควิด-19

HoonSmart.com>> “โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส” ไตรมาส 1/63 พลิกขาดทุนสุทธิ 8.18 ล้านบาท ผลงานแย่ลง 168.99% จากงวดปีก่อนกำไรสุทธิ 11.89 ล้านบาท ผลกระทบจากโควิด-19 บางโครงการชะลอ เปิดแผนครึ่งปีหลัง ปรับกลยุทธ์พัฒนาทักษะบุคลากร เพิ่มโอกาสรับงานภาครัฐ เตรียมดำเนินงานโครงการใหญ่ตามแผน เร่งเดินหน้าประมูลงานภาครัฐ – เอกชน หนุน Backlog 530 ล้านบาท

ดร.พงศ์ธร ธาราไชย

บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 พลิกขาดทุนสุทธิ 8.18 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.01 บาท ผลงานลดลง 168.99% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 11.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.014 บาท

บริษัทฯ มีรายได้จากการบริการลดลง 19.17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนบริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีรายได้ที่ได้รับจากโครงการระยสั้น ในขณะที่ไตรมาสนี้กลุ่มบริษัไทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้แผนการดำเนินงานในบางโครงการต้องถูกชะลอไป เนื่องมาจากาตรการภาครัฐ นอกจากนั้นในไตรมาสนี้โครงการขนาดใหญ่บางโครงการได้รับผลกระทบจากการปรับแผนงานและต้นทุนโครงการ ส่งผลต่อการรับรู้รายได้บางส่วน รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทเริ่มเข้าสู่ช่วงการส่งมอบงาน

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีโครงการขนาดใหญ่ในภาครัฐและเอกชนที่บริษัทได้รับงานเมื่อปลายปี 2562 และในไตรมาสนี้ได้เริ่มดำเนินการตามแผนก่อสร้างแล้ว นอกจากนี้มีโครงการที่ขยายสาขาของห้างธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และโครงการภาครัฐ

ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ในช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าโครงการก่อสร้างยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่บริษัทได้รับผลกระทบในเรื่องข้อจำกัดเวลาการทำงาน มาตรการฉุกเฉินของภาครัฐ รวมถึงนโยบายควบคุมการเข้าออกพื้นที่ในบางจังหวัด ซึ่งบริษัทได้ปรับแผนการก่อสร้างร่วมกับเจ้าของงาน ผู้รับเหมา เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้การก่อสร้างดำเนินงานต่อไปได้ตามแผน

สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกับลูกค้าโครงการภาคเอกชนที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท โดยโครงการที่จะออกมาในระยะนี้คาดว่าเป็นงานของภาครัฐบาลที่เริ่มทยอยลงทุนโครงการตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและคุณสมบัติของบุคลากรที่ไม่เหมือนกับลูกค้าภาคเอกชน บริษัทจึงเตรียมความพร้อมจัดหาบุคลากรใหม่และพัฒนาศักยภาพของพนักงานเดิม เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มเติมในการรับงานทั้งในโครงการเมกะโปรเจกต์และงานกลุ่ม EEC

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับงานโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐและเอกชนเมื่อปลายปี 2562 ซึ่งเริ่มดำเนินการตามแผนงานก่อสร้างในไตรมาส 2 นี้ อีกทั้งได้รับงานโครงการใหม่จากการขยายสาขาของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 530 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 ลดลง เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่มีอยู่เดิมของบริษัทเริ่มเข้าสู่ช่วงการส่งมอบงาน โดยบริษัทมีค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้นจากค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขยายพื้นที่สำนักงาน ค่าใช้จ่ายในการศึกษาโครงการอสังหาริมทรัพย์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการเพิ่มพนักงาน นอกจากนี้บริษัทได้บันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมสินทรัพย์ทางการเงินอื่นจำนวน 4.92 ล้านบาท