CPF ฟันกำไร 6 พันลบ. ชนะล็อกดาวน์ BDMS-LH ร่วง MINT ขาดทุน 8 พันล้าน

HoonSmart.com>>เบอร์ 1 ของแต่ละธุรกิจฝ่าล็อกดาวน์ ” เจริญโภคภัณฑ์อาหาร”ชนะเลิศ โกยกำไร 6,028 ล้านบาท พุ่งขึ้น 47% แจกปันผลเพิ่มเป็น 40 สต./หุ้น ส่วน”BDMS” ทรุด 75% เหลือเพียง 457 ล้านบาท “แลนด์แอนด์เฮ้าส์”หดตัว 24.73% ทำได้ 1,395 ล้านบาท “ไมเนอร์ฯ “ขาดทุนยับ 8,447 ล้านบาท ครึ่งปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ผู้บริหารมั่นใจเริ่มเห็นแนวโน้มฟื้นตัว บล.หยวนต้าเชียร์หุ้นเด่นธีมวัคซีน MINT-CRC-MAJOR- VGI- BEM-KBANK-SCB หุ้นไทยบวกเกือบ 10 จุด ฝีมือสถาบันไล่เก็บกว่า 2 พันล้านบาท MSCI ลดน้ำหนัก 6 หุ้นใหญ่ PTT-CPALL-SCC-ADVANC-AOT-BDMS เพิ่มน้ำหนัก BBL-F, BH

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามต่างประเทศ วันที่ 13 ส.ค. ดัชนีปิดที่ 1,346.69 จุด +9.85 จุดหรือ+0.74% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77,812.76 ล้านบาท โดยสถาบันไทยลุยซื้อ 2,433 ล้านบาท ส่วนรายย่อยทำกำไร 1,457 ล้านบาท ต่างชาติขาย 506 ล้านบาท และพอร์ตบล.ขาย 469 ล้านบาท

ดัชนีที่ปรับตัวขึ้น รับข่าวรัสเซียประกาศขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 เป็นประเทศแรก และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าคาดการณ์ ส่งผลบวกต่อธุรกิจธนาคารพาณิชย์ นำโดย KBANK,BBL,SCB  นำโด่ง หลังจากราคาปรับตัวลงต่ำกว่าพื้นฐานมาก

ส่วนปัจจัยในประเทศ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย คาดว่าตลาดน่าจะปรับขึ้นไปต่อได้ แม้ว่านักลงทุนมีความกังวลเรื่องสถานการณ์การเมืองก็ตาม ส่วนบริษัทจดทะเบียนประกาศกำไรไตรมาส 2/2563 ตามคาดการณ์

ล่าสุด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF ) เปิดเผยว่าไตรมาสที่ 2/2563 มีกำไรสุทธิถึง 6,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,924 ล้านบาท พุ่งขึ้น 46.88% จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,104 ล้านบาท รวม 6 เดือนปีนี้มีกำไรทั้งสิ้น 12,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,755 ล้านบาทหรือ 44.78% เทียบกับกำไร 8,384 ล้านบาท

คณะกรรมการบริษัท CPF มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้ หุ้นละ 0.40 บาท ให้ผู้ถือหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 ส.ค. และจ่ายเงินวันที่ 11 ก.ย. 2563 ทั้งนี้บริษัทจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นจากกลางปีก่อนให้หุ้นละ 0.30 บาท

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) มีกำไรสุทธิเพียง 457 ล้านบาท ทรุดตัวลงกว่า 1,408 ล้านบาทหรือ 75.49% จากที่มีกำไร 1,865 ล้านบาท และครึ่งปีมีกำไรสุทธิ 3,025 ล้านบาท ลดลง 7,279 ล้านบาทหรือประมาณ 71% เทียบกับกำไรสุทธิ 10,304 ล้านบาท

บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) มีกำไรสุทธิ 1,394 ล้านบาท ลดลง 458 ล้านบาท หรือประมาณ 24.73% จากที่มีกำไรสุทธิ 1,852 ล้านบาท ครึ่งปีมีกำไรสุทธิ 2,739 ล้านบาท ลดลง 939 ล้านบาทหรือ 25.53% จากที่มีกำไรสุทธิ 3,678ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

คณะกรรมการบริษัทจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.20 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 27 ส.ค. และจ่ายเงินวันที่ 11 ก.ย. โดยจ่ายเงินปันผลลดลงจากกลางปีก่อน ตอบแทนผู้ถือหุ้นหุ้นละ 0.30 บาท

ด้านบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT) ขาดทุนมากถึง 8,447 ล้านบาท จากไตรมาสแรก -1,773 ล้านบาท รวมครึ่งปีขาดทุนกว่า 10,221 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนกำไรสุทธิ 2,369 ล้านบาท บล.เอเซีย พลัส คาดไตรมาส 3 ยังไม่สดใส ราคาหุ้นขึ้นมาพอสมควร แนะ “ให้ขายออก”

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น MINT ในตลาดกลับปรับตัวขึ้น ปิดที่ 20.80 บาท +0.60 บาทหรือ 2.97% ส่วนหนึ่งรับข่าวเรื่องรัสเซียจดทะเบียนวัคซีนโควิดเป็นประเทศแรก ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกสดใสขึ้น  และการท่องเที่ยวมีโอกาสพลิกฟื้น ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมของ MINT ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป

ด้านบล.หยวนต้า(ประเทศไทย)แนะนำหุ้นเด่นธีมวัคซีน 7 ตัว หนึ่งในนั้นมี MINT ตามด้วย CRC, MAJOR, VGI, BEM, KBANK และSCB

บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า Morgan Stanley Capital International (MSCI) ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า/ออกใหม่ สำหรับการ Rebalance ณ ราคาปิดวันที่ 31 ส.ค.3563 แล้ว พบว่า MSCI ASIA ถูกลดน้ำหนักใน MSCI EM ราว -0.35% เหลือ 79.68% คิดเป็นกระแสเงินไหลออกราว -950 ล้านเหรียญฯ

ตลาดที่ถูกเพิ่มน้ำหนักในเอเชีย มี 2 ตลาดคือ เกาหลีใต้  +0.07% สู่ 12.32% และมาเลเซีย +0.06% สู่ 1.76% ส่วนตลาดอื่นๆ ที่เหลือถูกลดน้ำหนักลง

ในส่วน MSCI Thailand ถูกลดน้ำหนักลง -0.01% สู่ 2.00% คิดเป็นเงินไหลออกราว -22 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 684 ล้านบาท หลักๆ เป็นการลดน้ำหนักหุ้นขนาดใหญ่ 6 บริษัท คือ PTT, CPALL, SCC, ADVANC, AOT, BDMS ราว -5 ถึง -2 ล้านเหรียญฯ ต่อบริษัท ขณะที่เพิ่มน้ำหนัก BBL-F +14 ล้านเหรียญฯ และ BH +5.4 ล้านเหรียญฯ

นอกจากนี้หุ้นในตลาดมาเลเซียที่ถูกนำเข้า MSCI ใหม่ คือ หุ้นกลุ่มถุงมือยาง SUPERMAX Corp, KOSSAN RUBBER Industries