BAM ดูสวยขึ้น แรงเชียร์ซื้อแน่น เพิ่มราคาเป้าหมาย

HoonSmart.com>>บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ ตั้งหลักวิ่ง หลังจากลงไปนาน  นักวิเคราะห์มองบวก เพิ่มคำแนะนำ  และราคาเป้าหมาย เชื่อผู้บริหารสร้างผลกำไรดีขึ้นครึ่งปีหลังต่อเนื่องถึงปีหน้า  บล.เคทีบีฯขยับจาก 2  บาท กระโดขึ้น 25 บาท  ทรีนีตี้ให้สูง 28.50 บาท  บล.เคจีไอตีมูลค่า 28 บาท กำไรมากพอจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง ระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดถึง 22.20 บาท ก่อนปิดที่ 21.90 บาท +0.20 บาทหรือ+0.92% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย1,581 ล้านบาท วันที่ 10 ก.ย. แต่ยังห่างไกลจากเป้าหมายของนักวิเคราะห์ โดยบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายปีหน้าเป็น 25 บาท จากเดิม 22 บาท หลังจากมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อการประชุมกับผู้บริหารเมื่อวันที่ 9 ก.ย.

แนวโน้มผลการดำเนินงานจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาสที่ 3/2564 จากสถานการณ์กรมบังคับคดีที่ดีขึ้น ยอดขายสินทรัพย์รอการขาย( NPA) ที่ดีขึ้นภายหลังการออกบูธจำหน่ายได้ และมีเสียงตอบรับที่ดี และคาดว่าจะต่อเนื่องไไตรมาสที่ 4 จากลูกหนี้ที่ขอรับการช่วยเหลือกลับมาชำระได้ตามสัญญาในเดือน ก.ย. และบริษัทคงเป้าการซื้อหนี้เสียปีนี้ ที่ 1 หมื่นล้านบาท และ 1.5 หมื่นล้านบาทในปี 2564 คิดเป็นอัตราการขยายตัวในระยะยาว 5-7% จากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ในระบบที่สูง

อย่างไรก็ตามคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 2,320 ล้านบาท ลดลง 65% และปีหน้าที่ 4,670 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 101% ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ DTAไม่เกิน 2,500 ล้านบาท จากทั้งหมด 4,900 ล้านบาm

“ผู้บริหารมั่นใจผลงานครึ่งปีหลังจะกลับมาดีขึ้น เราประเมินว่าสถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้เสียจากโควิด-19 ออกมาในช่วงต้นปีหน้า ภายหลังการสิ้นสุดระยะช่วยเหลือ 6 เดือน (เม.ย.-ก.ย. 2563) นอกจากนี้เราประเมินว่าบริษัทมีแหล่งเงินทุน และสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง (D/Eเพียง 2.2-2.3เท่า) ซึ่งเพียงพอต่อการเข้าซื้อ NPLs มาบริหารเพิ่มขึ้นในอนาคต”บล.เคทีบีระบุ

ด้านหุ้น BAM ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลง และต่ำกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ -9%  จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด แต่จากผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และแนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะดีขึ้นในครึ่งปีหลังและต่อเนื่องในปีหน้า  เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” ยังคงราคาเป้าหมาย 28.50 บาท/หุ้น คาดกำไรครึ่งปีหลังฟื้นตัว แต่บริษัทยังจำกัดการซื้อ NPLs เพื่อไม่ให้เงินทุนจม คาดมีการบันทึก DTA เหลือรอรับรู้ราว 4.9 พันล้านบาทนั้น บริษัทมีนโยบายที่จะทยอยรับรู้ให้ได้มากที่สุดภายในปีนี้ แต่ยังขึ้นอยู่กับความเห็นของผู้สอบบัญชี ซึ่งหากสามารถรับรู้ได้เพียงบางส่วนในปีนี้ก็จะเป็นปัจจัยหนุนกำไรครึ่งปีหลังเพิ่มเติมจากผลประกอบการที่ฟื้นตัวได้

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น”ซื้อ” แต่คงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 28 บาท บริษัทกำลังพิจารณาบันทึก DTA ประมาณ 2-2.5 พันล้านบาทเป็นรายได้ในครึ่งปีหลัง และอีก 2-2.5 พันล้านบาทในปี 2564 ซึ่งช่วยบริษัทบริหารจัดการกำไร และเงินปันผลในช่วงที่กำไรจากธุรกิจหลักหยุดชะงัก ขณะที่แนวโน้มระยะยาวยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม

ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ปกติจะกระทบกับความสามารถในการขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทำให้รายได้และเงินสดที่ติดตามได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ แต่คาดว่าจะเป็นแค่การสะดุดช่วงสั้น และน่าจะยังบริหารจัดการกำไรสุทธิได้ ในขณะที่รายการพิเศษจะทำให้ยังสามารถรักษาความสามารถในการจ่ายเงินปันผลให้สม่ำเสมอได้ คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อเร่งขายสินทรัพย์ออก และเร่งติดตามเงินสดจากกรมบังคับคดี ถึงแม้ว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะต่ำกว่าประมาณการ แต่แนวโน้มระยะยาวยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม ทั้งนี้ เมื่อใช้ P/E ที่ 15 เท่า ของประมาณการกำไรปี 2564 ได้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 28 บาท

“บริษัทเริ่มมีกิจกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ ขนาดกลาง 3-4 รายการแล้ว (มูลค่าธุรกรรมรายการละ 100-300 ล้านบาท) และอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองขายสินทรัพย์ขนาดใหญ่ มากกว่า 1 พันล้านบาท  ซึ่งอาจจะรับรู้เป็นรายได้ในครึ่งปีหลัง ส่วนเงินสดที่ติดตามได้ในปีนี้อาจจะต่ำกว่าเป้า 10-15% โดยใช้สมมติฐานรายได้และเงินสดที่ติดตามได้ในปีนี้อาจจะต่ำอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท”

บล.บัวหลวง ยืนยันคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท คาดจะเห็นกำไรของ BAM กลับมาเป็น 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และคงเป้าหมายการซื้อหนี้เสียด้วยเงินลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกซื้อไปแล้ว 7.7 พันล้านบาท  และยังมีอัพไซด์จากโอกาสในการบันทึกกำไรพิเศษจาก DTA จำนวน 5 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากผู้สอบบัญชีและกรมสรรพากร