TASCO ฟลอร์ 14.64% โรงกลั่นมาเลย์ฯ หยุดผลิตชั่วคราว โบรกฯ จ่อหั่นเป้า

HoonSmart.com>> นักลงทุนทิ้งหุ้น TASCO ร่วงติดฟลอร์กว่า 14% ลามขายหุ้น TIPCO ผู้ถือหุ้นหญ่อันดับสองฟลอร์ตาม หลังหยุดผลิตโรงกลั่นมาเลเซียชั่วคราว เหตุสหรัฐฯ คว่ำบาตรเวเนซูเอลา สั่งบริษัทเบรกซื้อน้ำมันดิบแหล่งซื้อหลัก 90% บล.หยวนต้า แนะเลี่ยงลงทุน จ่อหั่นเป้า บริษัทฯ พบนักวิเคราะห์วันนี้ กรณีโรงกลันหยุดผลิตทั้งปีคาดกระทบราคาหุ้นปี 64 ประมาณ 12-15 บาทต่อหุ้น หากหาแหล่งน้ำมันชดเชยได้ 50% กระทบราคาเป้าหมาย 5-8 บาทต่อหุ้น

ความเคลื่อนไหวหุ้น TASCO (ทิปโก้ แอสฟัลท์) เช้าวันที่ 14 ก.ย.2563 เปิดตลาดราคาปรับตัวลดลงทุนที 14.64% ลดลง -3.50 บาท มาแตะ 20.40 บาท -3.50 บาท หรือ -14.64% มูลค่าการซื้อขายสูงอันดับสามของตลาดหลังหยุดผลิตโรงกลั่นมาเลเซียชั่วคราว

นอกจากนี้ยังฉุดราคาหุ้น TIPCO (ทิปโก้ ฟูดส์) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง TASCO ถือหุ้นสัดส่วน 23.43% ณ วันปิดสมุดทะเบียน 1 ก.ย.2563 ราคาร่วงติดฟลอร์เช่นกัน ลงมาอยู่ที่ 6.20 บาท -1.05 บาท หรือ -14.48%

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์กรณี TASCO ประกาศหยุดการซื้อขายน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอลาตั้งแต่เดือน พ.ย. 63 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกคว่ำบาตรจากประเทศสหรัฐฯ ทำให้โรงกลั่น Kemaman ในประเทศมาเลเซีย ต้องหยุดสายการผลิตชั่วคราวจนกว่าการคว่ำบาตรระหว่างประเทศเวเนซูเอลากับประเทศสหรัฐฯ จะถูกยกเลิก หรือ TASCO สามารถหาแหล่งน้ำมันดิบจากที่อื่นมาชดเชยได้ เนื่องจากโรงกลั่นดังกล่าวถูกออกแบบให้ใช้สำหรับน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอลเป็นหลัก ซึ่งสูงถึง 90% ของน้ำมันดิบที่ใช้ทั้งหมด

“เรามีมุมมองเป็นลบต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจาก 50% ของปริมาณการขายยางมะตอยราว 2.0 – 2.2 ล้านตันต่อปีมาจากผลผลิตน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอล่า (อีก 50% มาจาก 3rd party) ดังนั้น การยกเลิกการซื้อขายน้ำมันดิบประเทศเวเนซูเอล่าจะทำให้บริษัทขาดแคลนสินค้าในการจำหน่ายและแม้จะมีแหล่งน้ำมันดิบจากที่อื่นมาชดเชย แต่อาจทำให้บริษัทต้องเจอต้นทุนน้ำมันดิบที่สูงกว่าและให้ผลผลิตยางมะตอยไม่มากเท่าแหล่งน้ำมันดิบที่มาจากประเทศเวเนซูเอลาที่สูงถึง 70%”บล.หยวนต้า ระบุ

ปัจจุบัน บริษัทมี Capacity ในการจุน้ำมันดิบมากถึง 4.1 ล้านบาร์เรล มาจากถังน้ำมันดิบจำนวน 8 ถัง รวมความจุได้ 2.3 ล้านบาร์เรลและเช่า Floating storage อีกราว 1.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะหมดอายุสัญญาภายในเดือน ก.พ. 2564

บล.หยวนต้า คาดกำไรปกติปี 2563 ได้รับผลกระทบอย่างจำกัด เนื่องจาก ปัจจุบัน TASCO มีน้ำมันดิบที่สามารถผลิตได้จนถึง 1Q64 ขณะที่กำไรปกติปี 2564 อาจกระทบมากสุดถึง 40 – 50% อยู่ที่ 1.5 – 1.8 พันล้านบาท หากบริษัทไม่สามารถหาแหล่งน้ำมันดิบจากที่อื่นได้เลย ทำให้โรงกลั่นในมาเลเซียต้องหยุดดำเนินการทั้งปี ส่งผลกระทบต่อราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2564 จากปัจจุบันที่ 31 บาทต่อหุ้น ลดลงราว 12 – 15 บาทต่อหุ้น

แต่หากบริษัทสามารถหาแหล่งน้ำมันดิบมาชดเชยน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซูเอลาได้ราว 50% จะทำให้กำไรปกติปี 2564 อยู่ระหว่าง 2.2 – 2.5 พันล้านบาท ส่งผลกระทบต่อราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2564 จากปัจจุบันที่ 31 บาทต่อหุ้น ลดลงราว 5 – 8 บาทต่อหุ้น

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีโอกาสปรับประมาณการและราคาเป้าหมายลงจากประเด็นดังกล่าวภายหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 14 ก.ย. นี้ เบื้องต้น แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน

อ่านข่าว

TASCO ปิดโรงกลั่นมาเลย์ฯ ชั่วคราวสหรัฐฯ สั่งเลิกซื้อน้ำมันดิบเวเนซูเอลา