ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 240 จุด ขายหุ้นเทคโนโลยีต่อ วิตกไวรัสระบาดรอบสอง

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 240 จุด ขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อ วิตกไวรัสระบาดรอบสอง ตลาดหุ้นยุโรปร่วงยกแผง ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้น ส่วนเบรนท์ลดลง 15 เซนต์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 18กันยายน 2563 ที่ 27,657.42 จุด ลดลง 244.56 จุด หรือ -0.88% แต่พ้นจากระดับต่ำสุดของวัน จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีอย่างเนื่อง หลังจากที่นักวิเคราะห์เตือนว่ามูลค่าของหุ้นกลุ่มนี้สูงแล้ว ขณะที่ปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นเนื่องจาก Options หมดอายุ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,319.47 จุด ลดลง 37.54 จุด, -1.12%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,793.28 จุด ลดลง 116.99 จุด, -1.07%

ในสัปดาห์นี้ดัชนี Nasdaq ลดลง 0.7% ดัชนี S&P 500 ไม่เปลี่ยนแปลง และดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 0.5%

หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.90% หุ้นแอมะซอนดอทคอมลดลง 1.79% หุ้นแอปเปิล ลดลง 3.17% หุ้น
หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.24% และหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.38%

ตลาดได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัยตั้งแต่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯจะห้ามประชาชนอเมริกัน ดาวน์โฟลดแอปพลิเคชั่น TikTok และ Wechat ส่งผลให้หุ้นออราเคิลซึ่งกำลังเจรจาซื้อกิจการ Tiktok จากไบต์แดนซ์ลดลง 0.7%
นั
กลงทุนยังกังวลต่อแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของวัสโควิด และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัส เพราะพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับวงเงินของมาตรการ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่าต้องการวงเงินมากขึ้น

นักวิเคราะห์ ระบุว่า นี่คือสัญญานการถดถอยของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และเป็นช่วงสูญญากาศของตลาด ดังนั้นไม่ว่าจมีข่าวหรือปัจจัยใหม่เข้าตลาดก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของไวรัสในหลายประเทศที่ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

หลังจากหลายประเทศในยุโรปได้ประกาศมาตรการควบคุมครั้งใหม่ในวันศุกร์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด

มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ ระดับ 78.9 จากระดับ 74.1 ในเดือนสิงหาคมและสูงกว่า 75.0 ที่นักวิเคราะห์คาด
Conference Board เผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) เดือนสิงหาคมปรับตัวขึ้น 1.2% จาก 2% ในเดือนกรกฎาคม

กระทรวงพาณิชย์เผย การขาดดุลบัญชีเดินสะพัไตรมาสสองเพิ่มขึ้น 52.9% มาที่ระดับ 1.705 แสนล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี จากขาดดุล 1.115 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก

หุ้นกลุ่มเรือสำราญลดลง โดยหุ้นนอร์วีเจียนครูซไลน์โฮลดิ้งส์ 6.5% หุ้นรอยัลคาริบเบียนลดลง 5.1% ขณะที่ คาร์นิวัลประกาศว่าจะไม่เดินเรือจนกว่าสิ้นเดือนมกราคม 2021

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่ลดลงกว่า3.4% ขณะที่กลุ่มเฮล์แคร์เพิ่มขึ้น 0.5% นักลงทุนวิตกสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วยุโรป ซึ่งอาจจะส่งผลให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง และจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่องค์การอนามัยโลกเตือนว่าสถานการณ์น่าวิตก

รอยเตอร์สเผยผลสำรวจนักวิเคราะห์ว่า การระบาดรอบสองคือความเสี่ยงใหญ่ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยการเติบโตและเงินเฟ้อมีโอกาสจะติดลบ

ในอังกฤษยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.8% ต่อเนื่องจากเดือนก่อน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 368.78 จุด ลดลง 2.45 จุด, -0.66%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 6,007.05 จุด ลดลง 42.87 จุด, -0.71%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,978.18 จุด ลดลง 61.32 จุด,-1.22%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,116.25 จุด ลดลง 91.87 จุด, -0.70%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมต.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ปิดที่ 41.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 15 เซนต์ปิดที่ 43.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

บล.กสิกรฯ ให้แนวรับ 1,270 แนวต้าน 1,295 รอการเมืองชี้นำ