บลจ.วีเปิดขายกองทุน WE-OSHOP รับอีคอมเมิร์ซ-อีเพย์เม้นท์ทั่วโลกเติบโต

HoonSmart.com>> บลจ.วี เปิดขาย IPO “กองทุนวี ออนไลน์ ช้อปปิ้ง แอนด์ เพย์เม้นท์ (WE-OSHOP)” ตั้งแต่ 21-25 ก.ย.นี้ สร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นค้าปลีกออนไลน์ (E-Commerce) และผู้ให้บริการชำระเงิน (Payment) ทั่วโลกเติบโตรับพฤติกรรมบริโภคและ COVID-19 ที่ยังระบาด หนุนคนทุกกลุ่มวัยทั่วโลก เข้าทำธุรกรรมบริโภคออนไลน์สูงขึ้นต่อเนื่อง

นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วี จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดการค้าปลีกของโลกที่ทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ (E-Commerce) ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก อีกทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ผู้บริโภคกลุ่มคนทุกช่วงวัยเข้าสู่ระบบการซื้อของและการชำระค่าบริการต่างๆผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นด้วยคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2019 – 2022 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะมีอัตราการเติบโตปีละ 19% นำโดยประเทศสหรัฐฯ , จีน , ยุโรปตะวันตก และคาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 22% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า

เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการขยายตัวของประชากรโลกที่เข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟน หรือโมบาย โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาอย่าง เช่น อินเดีย , จีน และละตินอเมริกา ซึ่งพบว่ามีการส่งคำส่งซื้อผ่านโทรศัพท์มือถือคิดเป็น 79% ของอีคอมเมิร์ซ ทั่วโลก คาดว่าในปี 2023 ประชากรอีกกว่า 5 พันล้านคนจะมีการบริโภคผ่านตลาดอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทำให้ยอดขายผ่านออนไลน์ทั่วโลกจะมีมูลค่ามากกว่า 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะเดียวกันไม่เพียงแต่จะทำให้ร้านค้าปลีกเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจเข้าสู่แพลทฟอร์มออนไลน์มากขึ้น แต่ยังทำให้ธุรกรรมการชำระเงินผ่านดิจิทัลปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยจะส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน (Payment) มีแนวโน้มเข้าสู่การใช้แพลตฟอร์มที่มีระบบการจัดการที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมาก รวมทั้งการทำรายการระหว่างประเทศ และเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลของผู้ทำธุรกรรมที่จะสูงขึ้นเพื่อรองรับความสะดวกและปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ

โดยสัดส่วนการชำระเงินผ่านระบบดิจิตัล และโมบายวอลเล็ต คิดเป็น 41.8% ของการทำธุรกรรมชำระเงินอีคอมเมิร์ซทั่วโลก และจะเพิ่มขึ้นเป็น 52.2% ในปี 2023 ทำให้มีหลากหลายบริษัทเข้ามาช่วยเพิ่มช่องทางการดำเนินการและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้บริการในทุกสถานที่ภายใต้ความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการ

ด้วยเทคโนโลยีที่ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภครวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าสู่ระบบการซื้อขายและชำระเงินออนไลน์ออนไลน์มากขึ้นในอนาคต ทำให้ธุรกิจค้าปลีกและผู้ให้บริการชำระเงินมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นในอนาคต

บลจ.วี จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด วี ออนไลน์ ช้อปปิ้ง แอนด์ เพย์เม้นท์ (WE ONLINE SHOPPING AND PAYMENT FUND : WE-OSHOP) เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก PROSHARES ONLINE RETAIL ETF ในสัดส่วน 75% เช่นบริษัท Amazon.com , Alibaba Group Holding , Qurate Retail เป็นต้น และลงทุนในหุ้นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวข้องกับการชำระเงินอิเล็คทรอนิค (Electronic Payment) ในรูปแบบต่างๆ เช่น สมาร์ทการ์ด , บัตรเติมเงิน และ กระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิค ผ่านกองทุนหลัก IPAY ETFMG Prime Mobile Payments ETF ในสัดส่วน 25% เช่น บริษัท Paypal , Visa , Mastercard เป็นต้น

กองทุนจะใช้กลยุทธ์เชิงรุกด้วยการกระจายการลงทุน (Active Asset Allocation) ใน 26 บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯและนอกสหรัฐฯ ที่มีการเติบโตบนช่องทางอีคอมเมิร์ซ ที่มีมูลค่าทางการตลาดตั้งแต่ 500 ล้านเหรียญฯ และต้องมีมูลค่าการซื้อขายสินค้าต่อวันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญฯ และลงทุนใน 42 บริษัททั่วโลกที่มีแนวโน้มเติบโตจากความต้องการใช้บริการชำระเงินในอิเล็คทรอนิคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทที่ให้บริการระบบซอพแวร์ประมวลผลและระบบความปลอดภัยในการชำระเงินอิเล็คทรอนิคในรูปแบบต่างๆ

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานล่าสุดสะท้อนถึงการเติบโตที่ดี ในหุ้น 2 กลุ่มนี้ และด้วยกลยุทธ์ลงทุนเชิงรุกในระยะยาว ทำให้ กองทุนหลัก PROSHARES ONLINE RETAIL ETF ณ วันที่ 30 มิ.ย. ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนที่ 55.20% ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 41.89% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 35.38% และผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 13.80% ต่อปี เทียบกับดัชนี PROSHARES ONLINE RETAIL INDEX อยู่ที่ 55.48% , 42.32% , 36.08% และ 14.36% ต่อปี ตามลำดับ*

ส่วนกองทุนหลัก IPAY ETFMG Prime Mobile Payments ETF ณ วันที่ 30 มิ.ย. ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนที่ -1.69% ย้อนหลัง 3 เดือนที่ 31.11% ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.16% และผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 14.85% ต่อปี เทียบกับดัชนี ETFMG Prime Mobile Payments INDEX อยู่ที่ 1.70% , 31.17% , -0.86% , และ 15.54% ต่อปี ตามลำดับ*

“ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีประสบการณ์ที่ดี ได้รับความสะดวกในการค้นหาและซื้อสินค้า ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของ E-commerce มากขึ้น ทำให้บริการการชำระเงินเติบโตตามไปด้วย ดังนั้น บลจ.วี มองว่า การลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกออนไลน์และกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการชำระเงินทั่วโลก กับ กองทุนเปิด วี ออนไลน์ ช้อปปิ้ง แอนด์ เพย์เม้นท์ มีความน่าสนใจในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ขณะเดียวกันท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 รอบ 2 ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เป็นปัจจัยหนุนให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มวัยทั่วโลกทำธุรกรรมออนไลน์เพิ่มขึ้น และในระยะยาวแม้ว่า COVID-19 จะคลี่คลายลงหรือหมดไป ทำให้ทั่วโลกกลับมาเปิดประเทศดำเนินเศรษฐกิจ แต่การใช้บริการซื้อสินค้าและชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ จะยังเติบโตต่อไป เนื่องจากตอบสนองความต้องการผู้บริโภคด้านความสะดวกสบายในการจับจ่ายที่เปลี่ยนไป” นายอิศรา กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ.วี โทรศัพท์ 02-648-1111 หรือตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนของ บลจ.วี ได้แก่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย), บล.หยวนต้า , บล.โนมูระ, บล.เคจีไอ, บล.เอเชียเวลท์, บล.ฟิลลิป, บล.กรุงศรี, บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์, บลน.โรโบเวลธ์, บลน.ฟินโนมินา และ บลน. เวลท์ รีพับบลิค และ บลน.เว็ลธ์เมจิก