WHA ลั่น 4 ธุรกิจ ครึ่งปีหลังฟื้น ปีหน้ารายได้นิวไฮ โตสองหลัก

HoonSmart.com>>”ดับบลิวเอชเอฯ” เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ 4 ธุรกิจหลัก หนุนรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน ธุรกิจนิคมฯลดเป้าขายที่ดินเหลือ 900 ไร่ หากรัฐไม่เปิดประเทศใน 2 เดือนข้างหน้าเหลือ 600-700 ไร่ ธุรกิจสาธารณูปโภคดีขึ้น ตัดงบลงทุนทั้งปีใช้แค่ 5,300 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการ ซื้อที่ดินขยายนิคมฯใกล้กรุงฮานอย WHAUP ศึกษาผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล หนุนปี 64 โตสองหลักสร้างระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยันงบลงทุน 5 ปี 5 หมื่นล้านบาท

จรีพร จารุกรสกุล

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า ในปี 2563 ธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้รายได้ไม่โต 15% ตามเป้าที่วางไว้ แต่มองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มในครึ่งปีหลัง และมีการขายทรัพย์สินเข้ากองรีทมากกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่ยังสูงกว่าปี 2561และมีอิบิทดามาร์จิ้นถึง 40% โดยยังคงสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 1.3 เท่า

ส่วนปี 2564 จะเติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก สร้างรายได้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) เพราะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น และมีธุรกิจใหม่ ขณะเดียวกันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ก็เติบโตมากขึ้น

” ปีนี้คาดว่ารายได้มาจากยอดขาย 40% และรายได้ประจำ60% จากพอร์ตสมดุลคือ 3 ธุรกิจหลักใกล้เคียง 30%  และที่เหลือ 5%มาจากธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม ” นางสาวจรีพร กล่าว

สำหรับงบลงทุนในปีนี้เคยตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท แต่ได้ปรับลดลงมาเหลือ 5,300 ล้านบาท หลังจากเลื่อนการลงทุนบางส่วนออกไป เช่น การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในเวียดนาม และการก่อสร้างอาคาร WHA Tower ที่ล่าช้าออกไป จึงยังไม่ต้องใช้เงินในปีนี้ รวมถึงยังมีโอกาสในการซื้อทรัพย์สินในราคาที่ถูกลง แต่บริษัทยังคงงบลงทุน 5 ปี (ปี 2563-2567) ไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ด้วย พร้อมขยายการลงทุนร่วมกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อให้กลุ่มเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

แนวโน้มในปี 2564 เชื่อว่าภาคธุรกิจจะเริ่มกลับมาทยอยลงทุนอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลดีต่อธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของบริษัททั้งในไทยและเวียดนาม บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 2564 ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ จากปีนี้ที่ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากต้นปีคาดไว้ 1,400 ไร่ ลงมาเหลือ 900 ไร่ และหากรัฐยังไม่เปิดประเทศได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้าก็อาจจะเหลือเพียง 600-700 ไร่

อย่างไรก็ตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ จะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายซัพพลายเชน สนับสนุนการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม ซึ่งนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ให้ความสนใจย้ายฐานการผลิต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสินค้าเทคโนโลยี และเหล็ก ทำให้ยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ 250 ไร่ จะทำได้ถึง 300 ไร่ ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ในเวียดนาม 1,000 ไร่ มียอดขายแล้ว 300 ไร่ บริษัทยังขยายพื้นที่ใกล้เคียงกรุงฮานอย 20,000 ไร่

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ในไตรมาสที่ 3/2563 ได้ลงนามสัญญาอีกประมาณ 40,000 ตารางเมตร และกำลังเจรจาให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าอีกกว่า 170,000 ตารางเมตรกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจอาหาร และธุรกิจผู้ประกอบการโลจิสติกส์ คาดว่าพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมดของบริษัท จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,560,000 ตารางเมตร ภายในสิ้นปีนี้ เห็นการเติบโตต่อเนื่อง จากการผนึกกำลังกับพันธมิตร พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูงมาใช้ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์

ธุรกิจสาธารณูปโภค และพลังงาน ของบริษัทดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจฟื้นตัวหลังสถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลาย ในส่วนธุรกิจไฟฟ้า ภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 592 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็นพลังงานเชิงพาณิชย์ 547 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา 42 เมกะวัตต์ และที่เหลืออีก 3 เมกะวัตต์ มาจากโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมชลบุรี คลีนเอ็นเนอร์ยี (CCE) นอกจากนี้ WHAUP กำลังศึกษาการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล แม้ว่าปัจจุบันต้นทุนยังค่อนข้างสูง แต่เทคโนโลยีดีขึ้น คาดว่าโครงการนี้ภายใน 1-2 ปีจะเกิดขึ้นได้ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

สำหรับธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม ยังคงเดินหน้าติดตั้งไฟเบอร์ออฟติก (FTTx) ให้ครอบคลุมพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 10 แห่งในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันติดตั้งอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว 6 แห่ง และยังให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์กับลูกค้ารายใหญ่ภายในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำอีกหลายราย

“ในปี 2563 เป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จ โครงการ ดับบลิวเอชเอ ทาวน์เวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่บนถนนเทพรัตน์ ก.ม. 7 แลนด์มาร์คแห่งใหม่บนถนนบางนา ตราด พร้อมเปิดโครงการในเดือนธ.ค.นี้ เป็นอาคารสูง 25 ชั้น เกรดเอ มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 25,000 ตารางเมตร จะเปิดขายพื้นที่ต้นปี 2564”