IPO แจกกำไรสุดหรูวันแรก “หุ้นยอดนิยม” ถือต่อเงินงอกเงย

HoonSmart.com>> ปี 2563 นับเป็นปีทองของหุ้น IPO น้องใหม่ 9 บริษัทที่เข้ามาซื้อขาย เกือบทั้งหมดสมนาคุณคนจองซื้ออย่างจุใจ โดยเฉพาะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 3 ใน 5 บริษัท แจกกำไรสูงกว่าเท่าตัว ล่าสุด บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) ให้ผลตอบแทนมากกว่า 140%

ส่วนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย (SET) มีเพียง CRC หรือบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ที่สอบตกวันแรก 0.59% แต่เป็นปัญหาเฉพาะตัวไม่เกี่ยวกับบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจแต่อย่างใด

IPO ปลุกกระแสร้อนแรงได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหุ้นที่เข้ามาจดทะเบียน มักจะมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และที่สำคัญ ธุรกิจมีจุดเด่นเตะตาไม่ว่าจะมองจากมุมไหน   ทั้งตัวสินค้า และโมเดลการเติบโตในระยะยาว ซึ่งเหมาะกับโลกในอนาคต

อาทิ SICT (บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี ) มีการวิจัยพัฒนาซอฟต์แวร์เอง ตลาดกว้างใหญ่ในต่างประเทศ บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีให้แก่ภาคธุรกิจต่าง ๆ และ STGT หรือบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ไม่เพียงเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ถูกจังหวะ ถุงมือยางผลิตเท่าไรก็ไม่พอกับความต้องการ เพราะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กำไรพุ่งกระฉูด 1,056 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2563 จุดแข็งของบริษัทอยู่ที่ความเป็นผู้นำในตลาดนี้ แถมแม่ยังแข็งแรง กลุ่มทำธุรกิจครบวงจร และยังวางแผนการลงทุนขนาดใหญ่พร้อมรับการเติบโตระยะยาว จึงกล้ารับออเดอร์ยาวถึงปี 2565 แล้ว

“STGT ราคากระโดดจาก IPO ที่ 34 บาท วันแรกปิดที่ 60.50 บาท ใครขายวันแรกได้กำไรมากถึง 78% ก็ดีใจแล้ว แต่หากถือลงทุนต่อจนถึงวันนี้ ได้กำไรกว่า 150% และยังมีโอกาสได้เพิ่มขึ้นอีก หากดูบทวิเคราะห์หลายเจ้าให้เป้าหมายเกินกว่า 100 บาท/หุ้น เหมาะสำหรับการเก็บเข้าเซฟไว้เลย เช่นเดียวกับหุ้น SICT, IIG และ YGG ถึงตอนนี้ได้ผลตอบแทนดีกว่าราคาวันแรกเสียอีก เป็นเพราะธุรกิจต้านทานแรงเสียดทานจากปัจจัยข้างนอกได้ดี เห็นได้จากกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น ”

อย่างไรก็ตาม มีหุ้นบางตัวที่ไม่ขายวันแรก ถึงวันนี้ก็เสียใจ กำไรที่เคยได้หดหาย ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากปรับตัวลงตามตลาดหุ้นโดยรวม หรือธุรกิจอ่อนแรง เจอพิษโควิด-19 กระทบทำให้เจ็บไปอีกนาน ดังนั้นนักลงทุนที่ยังถือไว้ ควรใช้วิกฤตการณ์ครั้งนี้จัดสรรพอร์ตลงทุน หรือหากใครต้องการจะรอจังหวะซื้อของดีราคาต่ำ ควรศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้งก่อนจะผลีผลามเข้าไปลุย

นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่เตรียมตัวจะเข้ามาซื้อขายอีกเป็นขบวนยาว ต้องเพิ่มจุดเด่นดึงดูดนักลงทุนให้อยู่มัด

วันนี้ (8 ต.ค.) บริษัท ศิรกร (SK) จะเข้ามาเทรดใน mai ตั้งราคาขายหุ้นละ 0.80 บาท คิดเป็นอัตราราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E ) ที่ 8 เท่า ปัจจุบัน P/E ของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงอยู่ที่ 11.38 เท่า และที่สำคัญ มีการประกาศรายชื่อผู้จองซื้อหุ้นบ็อตใหญ่ ในส่วนสถาบัน คือ กองทุนของบลจ.เอ็มเอฟซี ( MFC ) ซื้อ 20 ล้านหุ้น นักลงทุนรายใหญ่ “ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม” หรือหมอยง ซื้อ 5 ล้านหุ้น ผู้บริหารเผยศักยภาพเติบโตตามนโยบายรัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ประกาศลุยรับงาน กฟผ. – กฟภ. ขนาด 230 KV – 500 KV

วันที่ 9 ต.ค. ถึงคิวบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เข้าซื้อขายใน SET หลังขายหุ้น จำนวน 340 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4.60 บาท เชื่อว่าจะเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่มีความร้อนแรง หลังจากเห็นพี่ใหญ่ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย(RBF ) เข้ามาซื้อขายเมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา  ราคากระโดดหลายเท่าตัว จาก IPO ที่ 3.30 บาท ยืนเหนือ 10 บาทอย่างสง่างามมานถึงทุกวันนี้