NRF เทรดวันแรกเปิดเหนือจอง 96.74% คาดยอดขายปี 63 โต 15-20%

HoonSmart.com>> “เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์” เข้าเทรดวันแรกเปิดพุ่ง 96.74% จากราคา IPO หุ้นละ 4.60 บาท นำเงินลุยลงทุนธุรกิจ หวังขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 35% พร้อมรวมงบ Cityfood หลังซื้อหุ้นครบในเดือนธ.ค.นี้ พร้อมคาดยอดขายปี 63 โต 15-20% เตรียมวางแผนกระจายความเสี่ยงลดผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน คาดปลายปีนี้ -ต้นปี 64 ตั้งเป้ายอดขายค่าเงินสกุลยูโรแตะ 15-20% จากปัจจุบันสัดส่วนเพียง 0.1% ส่วนใหญ่สกุลดอลลาร์ 99%

น.ส.วีณา เลิศนิมิตร กรรมการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวาณิชย์ธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หุ้นบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หมวกอาหารและเครื่องดื่ม เปิดที่ราคา 9.05 บาท เพิ่มขึ้น 4.45 บาท หรือ 96.74% จากราคาเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 4.60 บาท และราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น

“NRF เป็นหุ้นไทยตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนพืชแห่งอนาคต จึงมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมากในช่วงการจองซื้อหุ้น IPO ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ซึ่งการตั้งราคาถือว่าเหมาะสมแล้ว ราคาที่เปิดมาในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสนใจของนักลงทุนต่อเทรนเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต” น.ส.วีณา กล่าว

ทั้วนี้ NRF เป็นบริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้มุ่งเน้นจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อผลกำไรเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการจัดการ Sustainable Supply Chain ตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อ การผลิต จัดเก็บ ขนส่งและจัดจำหน่าย ตลอดจนให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในทุกฝ่ายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อเสิร์ฟผลิตภัณฑ์อาหารที่มีรสชาติถูกปากและดีต่อสุขภาพ ให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรตามความพึงพอใจ และที่สำคัญคือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนของโลก สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์และทดแทนด้วยอาหารโปรตีนจากพืช ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเข้าถึงกลุ่ม Millennial (Gen me) ที่มีกำลังซื้อมหาศาลได้

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) เปิดเผยว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทวางแผนขยายการลงทุนในปี 2563-2565 คาดจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,068 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.การลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Ethnic Food ใช้งบลงทุน 270 ล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงกระบวนการผลิตของบริษัทฯ และ City Food ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 35% จากปัจจุบันมีกำลังผลิต 19,000 ตันต่อปี และแผนเข้าซื้อหุ้นที่เหลืออีก 85% จากบริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด ซึ่งก่อนหน้าได้เข้าลงทุนในสัดส่วน 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยมีโรงงานที่จังหวัดนครปฐมและราชบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. และจะรวบรวมวมงบการเงินเข้ามาทันทีหลังซื้อหุ้นครบ

2.การลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Plant-Based Food หรือผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช ใช้งบลงทุน 408 ล้านบาท แบ่งเป็น การสร้างโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชในประเทศไทย การเข้าซื้อโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชในประเทศอังกฤษและสหรัฐฯ โดยร่วมทุนกับ THE BRECKS COMPANY LIMITED หรือ ‘เบรคส์’ เพื่อจัดตั้งบริษัท Plant and Bean Ltd. ที่ประเทศอังกฤษ ปัจจุบัน NRF ถือหุ้นในสัดส่วน 25% และมีแผนลงทุนเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นอีก 25% รวมเป็น 50% ในปี 64

3.การลงทุนเพิ่มใน Big Idea Venture และ New Protein Fund I เพื่อได้รับโอกาสในการเพิ่มลูกค้าโดยการเป็น preferred co-packer ให้กับสตาร์ทอัพ พร้อมทั้งได้รับความรู้และเทคโนโลยีล่าสุดของอุตสาหกรรม และลงทุนในเครื่องจักรผลิตเส้นบุกเครื่องที่ 2 เพื่อขยายกำลังการผลิต คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในไตรมาส 4/63

นอกจากนี้การลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Functional Products หรือ ธุรกิจผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหารในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (V-shapes) โดยมีแผนร่วมลงทุนเครื่องจักร V-shape อีก 5 เครื่อง ใช้เงินลงทุนกว่า 90 ล้านบาท หลังบริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญากับ Fluid Energy Group LTD ผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บริการเครื่องจักร V-shape สำหรับผลิตสินค้า Sanitization เพื่อจำหน่ายในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และแถบตะวันออกกลาง และลงทุนใน E-Commerce Platform รวมกว่า 300 ล้านบาท โดยจะร่วมทุนกับ Boosted ECommerce Inc. (Boosted) ใน 2 รูปแบบ คือ ลงทุนในกลุ่มบริษัท Boosted Ecommerce Inc. (Boosted) เพื่อบริหารจัดการธุรกิจ e-commerce ของ Third-party seller บน Amazon e-commerce platform และร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อลงทุนใน Consumer Package Goods ในอุตสาหกรรมอาหาร (รวมถึง pet food)

สำหรับผลประกอบการในไตรมาสช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นตัวเร่งยอดขายให้เติบโต และปัจจุบันมีการล็อกดาวน์ของสหรัฐ เฟส 1 และยุโรป เฟส 2 ทำให้ยอดขายมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง คาดว่าปี 63 จะมียอดขายเติบโต 15-20% และการเติบโตจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 64

อย่างไรก็ตามบริษัทมีเป้าหมายระยะยาวก้าวเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารแห่งอนาคต “Food For Future” ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมอาหารเพื่อสร้างความยั่งยืนให้ระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบ ด้วยนโยบายการเป็น The Purpose – Led Company เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3,000 ล้านบาท ภายในปี 2567 หรือ 5 ปีข้างหน้า จากปี 62 ที่มียอดขาย 1,111 ล้านบาท โดย NRF จะให้ความสำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น (Ethnic Food) ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) และ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (Functional Products)

ด้านน.ส.เพ็ญอุไร ไชยชัชวาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทฯมีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน จากปัจจุบันบริษัทมียอดขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในสัดส่วนมากกว่า 99% ขณะที่สกุลเงินยูโรมีไม่ถึงประมาณ 0.1% ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในยุโรป เพื่อเปลี่ยนมาเป็นสกุลเงินยูโร จากปัจจุบันที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 63 ถึงไตรมาส 1/64 จะมีสัดส่วนยอดขายเป็นสกุลเงินยูโรเพิ่มมาเป็น 15-20% นอกจากนี้บริษัทยังมารุกขยายตลาดทั้งในประเทศไทย และเอเชีย โดยจะมีการขายในสกุลเงินบาทด้วย ซึ่งค่าเงินขึ้นลง 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะกระทบอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ประมาณ 1% โดยบริษัทต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งสัดส่วนรายปัจจุบัน สหรัฐฯประมาณ 30% ยุโรปประมาณ 30% และอื่นๆ 40%