TSI ออกสตาร์ทบุกตลาดประกันภัยทุกรูปแบบ

“ไทยเศรษฐกิจประกันภัย” พร้อมเดินเครื่องครึ่งหลังปี 61 เตรียมขยายตลาดประกันอุบัติเหตุ – เดินทาง – สุขภาพ

นายสันติ ปิยะทัต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย (TSI) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 ว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีความพร้อมในการบุกตลาดประกันภัยทุกรูปแบบ ภายหลังจากต้นปีที่ผ่านมาได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในใหม่ที่เน้นกระจายอำนาจการตัดสินใจ ช่วยให้การทำงานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ภายใต้การนำของซีอีโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส พร้อมวางตัวรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ 4 สายงานหลักประกอบด้วย สายงานรับประกันภัย สายงานบัญชีการเงิน สายงานสินไหม และสายงานการตลาด โดยดึงผู้บริหารและมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัยและด้านอื่นเข้าร่วมงานกว่า 20 คน

สันติ ปิยะทัต

ทั้งนี้ นอกจากการปรับปรุงระบบงานภายใน บริษัท ฯ ยังมุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าควบคู่กันไปทั้งลูกค้าเดิมที่เป็นโบรกเกอร์ ตัวแทนประกันภัย และยังเดินสายพบปะลูกค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มองค์กร ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ สามารถนำมาปรับใช้กับงานบริการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

นายสันติ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะรุกงานประกันภัยทุกด้านทั้งกลุ่มรถยนต์ (Motor) และกลุ่มที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor) มากขึ้น โดยในส่วน Non Motor บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายงานทั้งตลาดลูกค้าองค์กรและรายย่อย จึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการ อาทิ การประกันการอุบัติเหตุการเดินทาง (Travel Accident Insurance หรือ TA) และ การประกันอุบัติเหตุ (Personal Accident) ประเภทกลุ่มและบุคคล นอกจากนี้ยังมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพในช่วงสิ้นปี

ทั้งนี้ในส่วนการรับประกันอุบัติเหตุการเดินทาง (TA) จะให้ความคุ้มครองตลอดระยะเวลาการเดินทางของผู้เอาประกันภัย โดยมีแผนความคุ้มครองให้เลือกถึง 10 แผน ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุทางร่างกาย ด้วยวงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 100,000 -1,000,000 บาท การจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก รวมทั้งยังคุ้มครองการเล่นหรือแข่งกีฬาอันตราย และการขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์

สำหรับการประกันอุบัติเหตุกลุ่มซึ่งจะเจาะตลาดลูกค้าองค์กรเพื่อเป็นสวัสดิการพนักงาน มีแผนความคุ้มครองให้เลือก 10 แผนเช่นกัน โดยให้ความคุ้มครองสูงสุด 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุด 100,000 บาท และยังมีการชดเชยรายได้เนื่องจากพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุด 500 บาทต่อวัน โดยผู้เอาประกันสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย อีกทั้งยังจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 7 วันทำการ นับจากวันที่เอกสารเรียกร้องสินไหมทดแทนถึงบริษัทฯ อย่างครบถ้วน โดยบริษัทฯ จะโอนเงินค่าสินไหมทดแทนผ่านบัญชีธนาคารของผู้เอาประกันภัย

นอกจากนี้ ในส่วนประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้เอาประกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 5 ปีจนถึง 75 ปี โดยมีจุดเด่นคือ การจ่ายชดเชยรายได้ 3 ต่อ 3 เท่า หรือสูงสุด 12 เดือน ด้วยอัตราเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 850 บาทต่อเดือน ซึ่งมีแบบประกันให้เลือก 14 แผน วงเงินความคุ้มครองสูงสุด 10,000,000 บาท และคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 1,000,000 บาทต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง ซึ่งผู้เอาประกันสามารถรับการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่ายเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถแบ่งชำระเบี้ยประกันภัยรายเดือนได้ และสำหรับการประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุหากไม่มีการเคลมรับเงิน จะคืนเบี้ยประกันภัยสูงสุดไม่เกิน 15% ทุกปี

“เราเห็นว่าปัจจุบัน ลูกค้าเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่หันมาใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น เนื่องจากโรงพยาบาลรัฐมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก เห็นได้จากการขยายตัวของโรงพยาบาลเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่มีค่ารักษาพยาบาลที่สูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ การทำประกันอุบัติเหตุจึงเข้ามาตอบโจทย์ในการแบ่งเบาภาระด้านการรักษาพยาบาลได้ดีสำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา TSI Insurance มีการรับประกันอุบัติเหตุในกลุ่มนี้อยู่แล้ว แต่เรามีการนำมาปรับปรุงและพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น”นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทฯ ได้จับมือกับ บริษัทกลางผู้ให้บริการด้านการจัดการค่าบริหารสินไหมทดแทน (Thaire Services Third Party Administration) หรือ TPA ซึ่งเป็นตัวกลางในการให้บริการลูกค้าของ TSI Insurance ที่ประสบอุบัติเหตุสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 400 แห่งได้ โดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความอุ่นใจให้ลูกค้ามากขึ้น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับจากการรับประกันอุบัติเหตุจนถึงสิ้นปีประมาณ 30 ล้านบาท อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มประกันสุขภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ให้ประชาชนสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นจากเดิมที่ต้องทำประกันชีวิตก่อนแล้วจึงซื้อประกันสุขภาพเพิ่ม คาดว่าจะสามารถออกมาให้บริการในไตรมาส 3 ปีนี้