BDMS กำไรหดไร้กำไรรายการพิเศษ-ผู้ป่วยเพิ่มรายได้โต

“กรุงเทพดุสิตเวชการ” ไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท ลดลง 46% จากงวดปีก่อน เหตุปีก่อนมีกำไรจากขายหุ้น BH บางส่วน หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรโต 28% รายได้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม ผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 กำไรสุทธิ 2,042.57 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.13 บาท ลดลง 46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,790.61 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.24 บาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 4,961.93 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.32 บาท ลดลง 13.92% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 5,764.24 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.37 บาท

งวดไตรมาส 2/2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 18,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่ารักษาพยาบาล 10% ท้ังนี้การเติบโตมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลตามความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการยกระดับโรงพยาบาลหลัก 10 ในเครือให้เป็นศูนย์การแพทย์แห่งความเป็นเลิศและการขยายฐานลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพ

นอกจากนี้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 3,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไร EBITDA เพิ่มขึ้นจาก 19.6% ในไตรมาส 2/2560 เป็น 20.6% ในไตรมาส 2/2561

บริษัทฯ ยังมีกำไรก่อนรายการพิเศษจำนวน 2,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2560 บริษัทฯ มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนบางส่วนในบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) จำนวน 2,195 ล้านบาท หากรวมรายการพิเศษดังกล่าวบริษัทฯ มีกำไรสุทธิลดลง 46% จากไตรมาส 2/2560

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าเสื่อมราคา 16,210 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,148 ล้านบาท หรือ 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานรวม อีกทั้งต้นทุนค่ารักษาพยาบาลและอื่นๆ (รวมค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย) รวม 12,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่ประกอบด้วยค่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ค่ายาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นตามจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้ป่วยนอกและใน ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่ม 6%