SPALI ลั่นยอดโอนฯปีนี้เข้าเป้า 2.6 หมื่นล้าน

SPALI มั่นใจยอดโอนปีนี้เป็นไปตามเป้า 2.6 หมื่นล้าน ลุยเปิดตัว 25 โครงการใหม่ 3.3 หมื่นล้านในช่วงที่เหลือปีนี้ พร้อมแจ้งราคาสุดท้ายเทนเดอร์ฯ MK ที่หุ้นละ 4.10 บาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า มั่นใจว่ายอดขายอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ 3.3 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้ว 1.76 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนยอดโอนทั้งปีมั่นใจจะเป็นไปตามเป้าที่ 2.6 หมื่นล้านบาทเช่นกัน โดยครึ่งปีแรกรับรู้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 11,158 ล้านบาท และมียอดขายรอโอนฯอีก 9,745 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 5,000 ล้านบาท จะปิดการขายได้ในช่วงไตรมาส 3 และโอนกรรมสิทธิ์ภายในปีนี้

“ยอดโอน 2.6 หมื่นล้านบาทในปีนี้ เรามั่นใจว่าทำได้ตามเป้า ซึ่งเมื่อต้นปีเราเคยบอกแล้วว่ายอดโอนครึ่งปีแรกไม่เยอะ จะไปเยอะครึ่งปีหลัง ส่วนยอดโอนฯในปีหน้ามีทิศทางที่ดีกว่าปีนี้ โดยล่าสุดมียอดขายรอโอนในปี 2562 แล้ว 11,538 ล้านบาท ส่วนปี 2563 มียอดขายรอโอน 9,258 ล้านบาท ปี 2564 มียอดขายรอโอน 11,404 ล้านบาท และปี 2565 มียอดขายรอโอน 1,541 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้ศุภาลัยฯมียอดขายรอโอนทั้งสิ้น 42,486 ล้านบาท”นายไตรเตชะกล่าว

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม

นายไตรเตชะ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 25 โครงการ มูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มเติมจากครึ่งปีแรกที่เปิดตัวไปแล้ว 10 โครงการ มูลค่า 7,600 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องเปิดตัวโครงการใหม่ทั้ง 25 โครงการภายในปีนี้หรือไม่ เพราะบางโครงการอาจเลื่อนเปิดตัวเป็นปีหน้าก็ได้ หากบริษัทสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าแล้ว ขณะที่ยอดขายที่ทำได้ในช่วงที่ผ่านมาถือว่านำเป้าพอสมควร

นายไตรเตชะ กล่าวว่า ในส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น หากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จะไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพียงแต่ลูกค้าจะลดขนาดที่อยู่อาศัยที่จะซื้อลง เช่น เดิมต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 160 ตารางเมตร อาจลดลงเหลือ 140 ตานางเมตร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การที่สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้าสู่ตตลาดเพียง 1-2 รายเท่านั้น

“ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแนวโน้มว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหม่และรายเล็กๆเข้าสู่ตลาดน้อยลง เพราะแบงก์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ 11 ราย มีสัดส่วนการขายคอนโดเพิ่ม 65% ส่วนแนวราบพบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ 11 ราย มีสัดส่วนยอดขายในสัดส่วน 70% ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นประโยชน์กับรายใหญ่ เพราะทำให้รักษามาร์จิ้นได้ดีท่ามกลางกำลังซื้อที่ยังดีอยู่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาศุภาลัยสามารถทำกำไรได้ดี และคอนโดในหลายๆทำเลสามารถปรับขึ้นราคาได้”นายไตรเตชะกล่าว

นายไตรเตชะ กล่าวถึงความคืบหน้าการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นบริษัท มั่นคงเคหะการ (MK) ว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ส.ค.) บอร์ด SPALI แจ้งราคาสุดท้ายของการทำเทนเดอร์ฯหุ้น MK ไปแล้วที่เท่าเดิมคือหุ้นละ 4.10 บาท โดยราคาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ เนื่องจากราคาดังกล่าวเป็นราคาที่บริษัทเห็นว่าเหมาะสมแล้ว และเป็นราคาที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน ทั้งนี้ SPALI พร้อมเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งใน MK และถือหุ้นในสัดส่วนเท่าไหร่ก็ได้ รวมทั้งจะไม่เข้าไปยุ่งกับการบริหาร

“ราคาสุดท้ายที่หุ้นละ 4.10 บาท เป็นราคาที่เราพึงพอใจ และเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุนใน MK ซึ่งเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต หลังจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา MK มีการปรับเปลี่ยนโปรดักส์และวิธีการทำตลาด รวมทั้งมีแนวทางในการหารายได้ให้ม่ เช่น รายได้ค่าเช่าจากการทำคลังสินค้า ขณะที่ตัว MK เองได้ถือครองที่ดินหลายแปลง บางแปลงถือมาเป็น 10 ปี โดยยังไม่มีการตีมูลค่าใหม่”นายไตรเตชะระบุ