MFC คลอด M-MINVOL เน้นหุ้นผันผวนต่ำรับมือตลาดสวิง

บลจ.เอ็มเอฟซี มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง ส่งกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มินิมั่ม โวลาติลิตี้ หุ้นทุน ลงทุนหุ้นพื้นฐานดีมุ่งสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความผันผวนต่ำ เสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้-28 ส.ค.นี้

น.ส.ประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มินิมั่ม โวลาติลิตี้ หุ้นทุน (M-MINVOL) มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะลงทุนในหุ้นทุนของกิจการที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งกองทุนมีเป้าหมายให้ความผันผวนที่คาด (expected volatility) ของพอร์ตการลงทุนอยู่ในระดับต่ำ จึงคัดสรรหุ้นที่จะลงทุนจากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น หลักทรัพย์ที่มีความเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเทียบกับ SET Index ต่ำ (ค่า Beta) หลักทรัพย์ที่มีค่าความผันผวนต่ำ (ค่า standard deviation) สภาพคล่องของหลักทรัพย์แต่ละตัว และการกระจายการลงทุน เป็นต้น

ประภา ปูรณโชติ

กองทุนมีการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ความเสี่ยงของกองทุนโดยรวมจึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าตลาดเนื่องจากมีความผันผวนต่ำกว่า และหุ้นที่มีความผันผวนต่ำมักเป็นบริษัทที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง โดยไม่พึ่งพิงกับสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ความเสี่ยงตามวัฏจักรธุรกิจต่ำ แต่มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลสูง นอกจากนี้หากอยู่ในช่วงตลาดขาลงจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตและเหมาะกับตลาดที่อ่อนไหวมีความผันผวนสูง

สำหรับส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารทุนอื่นๆ ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากธนาคาร หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด หรือสำนักงานประกาศกำหนด รวมทั้งอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนจะจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะเพื่อผลตอบแทนการลงทุนที่ดี และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

จากข้อมูลของสายบริหารกองทุนของเอ็มเอฟซี มองว่ามีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคือ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศอยู่ระดับต่ำ นอกจากนี้ภาครัฐยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศ และการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2562 จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ มาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ เป็นความเสี่ยงต่อการค้าระหว่างประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ที่เร็วและแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมไปถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวและมีความผันผวน อาจทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวและบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสปรับลดประมาณการณ์ผลกำไรลง

กองทุนเปิด M-MINVOL เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถลงทุนในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ และสามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนไปลงทุน ซึ่งอาจปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้ ทั้งนี้ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ หลังการเสนอขายครั้งแรก กองทุนเปิด M-MINVOL จะเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และบริการซื้อหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกได้ตั้งแต่ 10,000 บาท