คุ้ย แคะ แกะ เกา : ยุติธรรม มาสายเสมอ

โดย….รัสปูติน

www.Hoonsmart.com “เสนอความจริง ทุกการลงทุน” ปีที่ 1 วันที่ 31 สิงหาคม 2561

* เวลาขึ้นก็ดัน SET50 Futures เวลาต้องการให้ลง ก็ต้องทุบต้นเหตุ การร่วงท้ายตลาดวานนี้เพราะเหตุปัจจัยเทคนิคล้วนๆจากทั้งโรบอตเทรด และ บล็อกเทรด ทำให้ SET50 Futures ลบไปกว่า 10 จุด ทำให้ดัชนีดิ่งไม่ทัน เป็นเรื่องปกติของตลาด สูเจ้าอย่าได้ประหวั่นพรั่นพรึง

* ดูเฉพาะจากทรงกราฟเทคนิคล้วน…ตัดเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพราะข้อเท็จจริงเรื่องเงินเฟ้อปิดไม่มิด เจตนาทรัมป์ที่ต้องการดอกเบี้ยเฟดฯต่ำต่อไปขัดแย้งข้อเท็จจริง …การที่ดัชนี SET ยืนปิดเหนือ 1,720 จุดต่อไป บอกว่าภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า กราฟดัชนี SET จะเกิดปรากฏการณ์ Breaking Out หรือไม่ก็ Breakdown

* ดวงดาวเปลี่ยนทิศ เมื่อศาลชั้นต้น พิพากษาให้ บุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ให้ชดใช้ค่าเสียหายให้เมย์แบงก์ฯ 578.14 ล้านบาท คดี “ฟ้องด้วยรัก” พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5% ต่อปีของเงินต้น พร้อมทั้งจ่ายค่าทนายความ จำนวน 1 ล้านบาทให้โจทย์ด้วย แต่ยกฟ้องจำเลยร่วมอย่าง ภูริภัทร์ เขียวบริบูรณ์ อย่าตื่นเต้นเข้าซื้อ MBKET เพราะหวังกำไรพิเศษล่ะ ยังเหลืออีก 2 ศาลซึ่งน่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปีอย่างเร็วสุด ความยุติธรรมมาสายเสมอ

* พูดถึงกรณีเช่นนี้ เป็นบทเรียนของกรณีการจ้างงานและย้ายงาน ที่เมืองไทยเราไม่มีกติกาที่เรียกว่า incomplete clause ห้ามพนักงานย้ายบริษัทไปอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหา “ย้ายเพิ่มค่าตัว” และ “เอาข้อมูลบริษัทเดิมไปใช้บริษัทใหม่” ส่วนจะว่าใครถูกหรือผิด ก็ว่ากันตามข้อเท็จจริงไป

* ข้อเท็จจริงคือการตัดสินวานนี้ ไม่เกี่ยวกับคดีแรงงาน แต่เป็นคดีแพ่ง โดย ศาลชั้นต้น คดีแพ่ง ได้อ่านคำพิพาษาคดีหมายเลขดำที่ พ.2831/2560 ระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งโจทก์ ได้ยื่นฟ้อง นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ในข้อหาหรือฐานความผิดละเมิด,เรียกค่าเสียหาย ระบุว่า มีคำพิพากษาให้จำเลย ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 578.14 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5% ต่อปีของเงินต้น นับตั้งแต่วันที่ยื่นฟ้องวันที่ 16 มิถุนายน 2560 และให้รับผิดชอบดอกเบี้ย ตั้งแต่เริ่มฟ้องจนกว่าจำเลย จะชำระเงินกับโจทก์ แต่บุญพร รับภาระไปคนเดียว เพราะเป็น ซีอีโอร่วมในยุคนั้นเป็นคำถามตามมาเรื่องธรรมาภิบาลด้วย….ถึงเวลากลับบ้านเลี้ยงหลานได้แล้ว

* ข่าวดีซ่อนในข่าวร้าย วานนี้แรงขายต่างชาติที่ออกมท้ายตลาดโดยเฉพาะที่ SET50 Futures เพราะรับผลจาก MSCI Rebalance ที่จะมีทั้งเพิ่มน้ําหนักและลดน้ําหนักการลงทุน ที่คาดว่าจะมีผลกับหุ้นใหญ่ บางตัว จึงทําให้ตลาดผันผวน แต่ใกล้จบในวันนี้ส่งท้ายเดือนสิงหาคม…สูเจ้าต้องหัดพกหิน ห้ามพกนุ่น

* รายนี้หุ้นเส้นใหญ่ ต้อง AOT ราคาวิ่งสวนดัชนี มาจากข่าวนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ทุบโต๊ะ สั่งการไปยังกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งโอนท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) จำนวน 4 แห่ง คือ ท่าอากาศยานอุดรธานี ท่าอากาศยานสกลนคร ท่าอากาศยานตาก และท่าอากาศยานชุมพร ไปให้ AOT เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการ โดยให้เร่งดำเนินการโอน ให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเร่งหาข้อสรุปจากผลการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการลงทุนพัฒนา ท่าอากาศยานภูเก็ตแห่งที่ 2 และ ท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 เพี่อรองรับการขยายตัวของผู้เดินทาง และลดการกระจุกตัวของจำนานผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง …เข้าทาง AOT ที่ลูบปากยกซดเต็มที่

* CHG นักวิเคราะห์บอกเป็นท็อปพิกของกลุ่ม แต่ราคาวานนี้ร่วงมาที่แนวรับเส้น 20 วันพอดี แต่ก็ยิ่งมีเสียงเชียร์เพิ่ม อ้างว่าโมเมนตัมการเติบโตของกำไรในครึ่งหลังของปี ยังคงแข็งแกร่งจากอานิสงส์ของขาขึ้นตามฤดูกาล และฐานปีก่อนที่ต่ำเกิน โดยผู้ป่วยเงินสดยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องและเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนกำไร ซึ่งจากกำไรปกติไตรมาสแรกที่ดีกว่าคาด ทำให้คาดว่าปีนี้กำไรน่าจะโตเกิน 27.6% ดีกว่าการเติบโตเฉลี่ยของกลุ่มการแพทย์ ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 2.86 บาท สูเจ้าไม่เชื่อก็ไม่ว่าอะไร อย่าบ่นก็แล้วกัน ตูข้ายิ่งรำคาญง่ายอยู่ด้วย

* วันนี้ค่าการกลั่นของหุ้นน้ำมันกดดันหนัก แต่หุ้นปิโตรจากก๊าซอย่าง PTTGC เป็นข่าวดีเพราะ เดิมมีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่น้อย และไม่มีการผลิตน้ำมันเบนซิน แต่ไตรมาสสามมีแรงหนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์โพลีโพรพิลีน (PP) จากประเด็นสิ่งแวดล้อมในจีนหนุนราคาปรับตัวขึ้น กับมีโอกาสบันทึกรายการพิเศษขายโรงงาน โพลีเอทิลีน (PE) ที่อิหร่าน มูลค่า 370 ล้านบาท กราฟสวยเป็นพิเศษน่าสนใจ เพราะพี/อีต่ำมากสุดในอาเซียน