คลุกวงในหุ้น : MBKET ชนะศึก “หยวนต้า”

โดย… สุนันท์ ศรีจันทรา

คดีฟ้องร้องระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ เมย์ แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET กับนางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัทและนายภูริภัทร เขียวบริบูรณ์ อดีตหัวหน้าฝ่ายสื่อองค์กรบริษัท ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว โดยนางบุญพรต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 578.14 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ยื่นฟ้อง 16 มิถุนายน 2560

คดีนี้เกิดขึ้นประมาณกลางปี 2560 โดยนางบุญพร ซึ่งย้ายจาก MBKET เข้าทำงานกับบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า จำกัด ในตำแหน่งประธานเจ้าที่บริหาร และยกทีมเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำการลงทุนหรือมาร์เก็ตติง ประมาณ 205 รายออกไปด้วย

“หยวนต้า” เคยสร้างตำนานเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ในฐานะโบรกเกอร์จากไต้หวัน โดยจุดชนวนสงครามการแข่งขันชิงลูกค้า ประกาศลดค่านายหน้าเหลือ0% หรือซื้อขายหุ้นโดยไม่ต้องจ่ายค่านายหน้า เพื่อสร้างฐานลูกค้า สร้างความสั่นสะเทือนในวงการค้าหลักทรัพย์ จนบริษัทโบรกเกอร์บางแห่งต้องควบรวมกิจการเพื่อความอยู่รอด หรือต้องขายให้กลุ่มผู้ลงทุนรายใหม่

แต่หลังจากควบรวมกับบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง จำกัด ในเวลาต่อมา สงครามการแข่งขัดลดค่านายหน้าจึงเริ่มสงบลง

ต้นปี 2559 “หยวนต้า” กลับมาใหม่ โดยได้ซื้อบริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัดจาก ธนาคารเกียรตินาคิน เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท หยวนต้า และเริ่มทาบทามคนเข้าร่วมงาน โดยนางบุญพรได้ตกลงร่วมงานกับ “หยวนต้า” พร้อมกับยกเค้ามาร์เก็ตติ้งกว่า 200 ชีวิตตามมาด้วย

ผลที่ตามมาคือ มูลค่าการซื้อขายหุ้นของ MBKET ตกวูบลง จากโบรกเกอร์ที่ครองแชมป์ มูลค่าการซื้อขายสูงสุดเบอร์ 1 มาหลายปีติดต่อ อันดับร่วงหล่น รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหุ้นลด และนำไปสู่การฟ้องร้อง ซึ่งศาลตัดสินให้นางบุญพรต้องชดใช้ความเสียหายเพียงคนเดียว

การแย่งตัวมาร์เก็ตติงระหว่างโบรกเกอร์ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้วกว่าสิบปี แต่ไม่เคยมีใครแก้ปัญหาได้ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือแม้แต่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ไม่มีมาตรการป้องกัน หรือมีบทลงโทษ

การแย่งชิง การดึงตัว หรือการยกเค้าเจ้าหน้าที่มาร์เก็ตติ้งจึงดำเนินเรื่อยมา อยู่ที่ว่า ใครจ่ายแพงกว่าเท่านั้น

แต่การ “ยกเค้า” มาร์เก็ตติ้งของ MBKET เป็นพฤติกรรมที่โจ๋งครึ่ม สร้างผลกระทบอย่างชัดเจน จนฝ่ายบริหาร MBKET ยอมไม่ได้ และยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย จนชนะคดี

ค่าเสียหายจำนวน 578.14 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีก 7.5%ต่อปี ที่ต้องชดใช้ให้ MBKET ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ไม่ใช่เงินก้อนเล็กๆ และนางบุญพร ซึ่งต้องรับผิดชอบ โดยชดใช้เพียงคนเดียว ถือเป็นภาระที่หนักอึ้ง และอาจหนักเกินกว่าจะแบกรับ ซึ่ง “หยวนต้า“ คงไม่ใจป้ำช่วยจ่ายแทน

นางบุญพรจะมีเงินชดเชยค่าเสียหายหรือไม่ ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่คงต้องพยายามต่อสู้จนหยดสุดท้าย ในขั้นอุทธรณ์และฎีกา คดีถึงที่สุดแล้ว ค่อยหาทางออกกันอีกที ตอนนี้ทำงานเก็บเงินสดตุนไว้ ในยามที่ถูกบังคับคดี

คดีนางบุญพรเป็นคดีประวัติศาสตร์ และอาจทำให้ปัญหาการยกเค้ามาร์เก็ตติงระหว่างโบรกเกอร์ลดน้อยลง เพราะเห็นตัวอย่างแล้ว โดยโบรกเกอร์ที่ถูกชิงตัวมาร์เก็ตติงและได้รับความเสียหาย สามารถฟ้องร้อง และชนะคดี ได้รับการชดใช้อีกด้วย

“กิมเอ็ง” เสียตำแหน่งแชมป์โบรกเกอร์ที่ครองมาหลายปีติดต่อไปแล้ว และคงไม่อาจทวงตำแหน่งคืนมาได้ง่ายๆ แต่การชนะคดีอดีตผู้บริหารบริษัทที่ยกทีมมาร์เก็ตติงกว่า 200 ชีวิตไป นอกจากช่วยเยียวยาความเสียหายแล้ว ยังช่วยเยียวยาจิตใจของฝ่ายบริหารและผู้ถือหุ้น MBKET ด้วย

และเป็นการประกาศให้วงการโบรกเกอร์รู้ว่า ใครคิดจะขโมยมาร์เก็ตติงจากโบรกเกอร์ไหน ระวังตัวไว้ เพราะผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโบรกเกอร์ใหม่ อาจไม่คุ้มกับค่าเสียหายที่ต้องจ่ายคืนให้โบรกเกอร์เก่า

คดี MBKET ฟ้องอดีตผู้บริหารบริษัทที่ยกเค้ามาร์เก็ตติง เป็นอุทาหรณ์เตือนใจใครที่คิดจะโจรกรรมมาร์เก็ตติงของเพื่อนในวงการโบรกเกอร์ด้วยกัน