KWM ชู “นวัตกรรม” ผลิตอุปกรณ์การเกษตรครบวงจร

KWM ชูจุดเด่น นวัตกรรม ผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตรครบวงจร นับถอยหลังขายหุ้นไอพีโอ โรดโชว์นักลงทุนกรุงเทพ 11 ก.ย.นี้

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว เม็ททัล เวิร์ค ( KWM ) ผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตร เปิดเผย www.hoonsmart.com ว่า บริษัท เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร คือ ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง ภายใต้ตราสินค้า ” Pegasus ” ของบริษัทเอง และรับจ้างผลิตให้กับคูโบต้า เป็นหลักภายใต้แบรนด์ “ตราช้าง”

เอกพันธ์ วนโกสุม

สำหรับจุดเด่นของบริษัท คือ การเป็นผู้ผลิตที่มีงานวิจัยส่วนผสมเหล็กของบริษัทเพื่อคุณภาพเหล็กที่ดี อีกทั้ง ผู้บริหาร กรรมการ มีความชำนาญเชี่ยวชาญอย่างสูงในผลิตภัณฑ์เหล็ก โลหะวิทยา ทั้งนายเอกพันธ์ ที่จบสายตรงวิศวะเครื่องกล มีความรู้เรื่องโลหะวิทยา นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินมั่นคง หนี้สินน้อย มีการเติบโตสม่ำเสมอ

” ผมว่าเราเป็นอินโนเวชั่น มีนวัตกรรมได้ มีงานวิจัยคุณภาพเหล็ก มีเทคโนโลยีของเราเอง ทำให้สินค้าของเราเป็นที่ยอมรับ เราจึงเติบโตมากับคูโบต้าในแบรนด์ตราช้าง ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในเมืองไทย”นายเอกพันธ์ กล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์การเข้าตลาดหลักทรัพย์ นั้น ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า การเข้าตลาดหุ้นทำให้ระดมทุนได้ง่าย ช่วยขยายช่องทางการตลาด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายโรงงานผลิตสินค้าใหม่ในบริษัท อัดเลอร์เทค ซึ่ง KWM ถือหุ้น 99.80 % โดยผลิตใบผาล แบรนด์ “ม้าบิน” และจำหน่ายใบเกลียว ใบดันดิน

โครงสร้างรายได้ ม.ค.-มี.ค. 2561 KWM มีรายได้การขาย ใบผาล สัดส่วน 55.96 % ของรายได้รวม , โครงผาล 20.83 % , รายได้ใบเกลียว 9.03 % และรายได้ใบดันดิน 11.97 %

ปี 2560 ที่ผ่านมา มีรายได้ขายใบผาล 128.87 ล้านบาท คิดเป็น 48.86 % ของรายได้รวม , รายได้โครงผาล 41.58 ล้านบาท หรือ 15.87 % , ใบเกลียว 43.71 ล้านบาท หรือ 16.78 % และรายได้ใบดันดิน 41.28 ล้านบาท คิดเป็น 15.85 %

กำไรสุทธิ 3 ปีย้อนหลัง ปี 2558 มีกำไรสุทธิ 27.80 ล้านบาท , 2559 กำไรสุทธิ 35.78 ล้านบาท และปี 2560 กำไรสุทธิ 20.83 ล้านบาท

ทั้งนี้ KWM กำหนดนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนกรุงเทพ วันที่ 11 กันยายน ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ ถนนรัชดา บริษัท ฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 150 ล้านบาท จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท มีแผนเพิ่มทุนจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก จำนวน 120 ล้านหุ้น