เปิดทาง 56 ประเทศ ซื้อขายกองทุนไทยปี’62

ตลาดหลักทรัพย์จับมือเคลียร์สตรีมแบงกิ้ง เชื่อมกองทุนรวมไทยกับนักลงทุนทั่วโลก เปิดประตูซื้อขายไร้พรมแดน หนุนอุตสาหกรรมเติบโต คนไทยมั่งคั่ง

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2561 นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนาย Philippe Seyll ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และ Head of Investment Funds Services บริษัท เคลียร์สตรีมแบงกิ้ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชื่อมต่อ “FundConnext” แพลตฟอร์มกลางสำหรับกองทุนรวมไทย กับ “Vestima” แพลตฟอร์มซื้อขายกองทุนทั่วโลก ของบริษัท เคลียร์สตรีมแบงกิ้ง อยู่ภายใต้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์เยอรมัน ซึ่งเป็นศูนย์ฝากหลักทรัพย์ระหว่างประเทศใหญ่ที่สุดในโลก รวมมูลค่าสูงถึง 13 ล้านล้านยูโร ในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลังการซื้อขายตราสารหนี้ยุโรป และบริการด้านหลักทรัพย์แก่ตลาดจาก 56 ประเทศทั่วโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศลักเซมเบิร์ก

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเชื่อมต่อแพลตฟอร์มครั้งนี้ นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของตลาดทุนไทยที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนใน 56 ประเทศทั่วโลกสามารถเข้ามาลงทุนในกองทุนของไทยได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เป็นโลกการลงทุนที่ไร้พรมแดนอย่างแท้จริง ตามเป้าหมายที่จะสร้างจุดเปลี่ยนตลาดทุนจากการมีแพลตฟอร์มที่ต่อยอดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ร่วมตลาด พร้อมตอกย้ำจุดยืนการเป็นตลาดทุนระดับสากลที่โดดเด่นในเวทีโลก

“การเชื่อมต่อระบบโลกครั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 2562 โดยในระยะแรกจะให้บริการในการรับคำสั่งซื้อขาย และชำระราคาค่าซื้อขายหน่วยลงทุนสำหรับผู้ลงทุนต่างชาติที่จะลงทุนในกองทุนของไทยได้รวดเร็ว คาดว่าความต้องการลงทุนมีมากขึ้น ปัจจุบันอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยมีขนาดประมาณ 4.6 ล้านล้านบาท แพลตฟอร์มที่สำเร็จจะช่วยต่อยอด กระจายตัวออกไปต่างประเทศเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมกองทุนรวมเจริญเติบโตต่อไป พร้อมสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงให้คนไทย” นายภากร กล่าว

สำหรับการเชื่อมต่อครั้งนี้ เป็นการต่อยอดของ “FundConnext” หลังจากการเปิดให้บริการในปี 2560 เป็นระบบกลางที่ผู้ร่วมตลาดสามารถติดต่อระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้กองทุนรวมเติบโตขึ้น ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไทย 15 ราย และบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน 16 รายใช้งานเข้าถึงกองทุนจำนวน 1,370 กองได้ง่ายขึ้น

ด้านนาย Philippe Seyll กล่าวว่า การเชื่อมโยงกับ”FundConnext” อยู่ภายใต้กลยุทธ์ที่จะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมกองทุนในภูมิภาคเอเชีย เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนทั่วโลกเข้าถึงกองทุนรวมของประเทศไทยได้อย่างสะดวก ทั้งนี้กองทุนรวมไทยเป็นที่สนใจมากขึ้น แต่ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร จากการพิจารณามี 2 ประเด็นคือผลประกอบการดีมากในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา และคนไทยที่ย้ายไปอยู่ที่ยุโรปหันมาลงทุนกองทุนไทย

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การสร้างมาตรฐานให้กระบวนการซื้อขายหน่วยลงทุน เอื้อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยสำนักงาน ก.ล.ต.พร้อมสนับสนุนด้านกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาวให้กับตลาดทุนไทย ปัจจุบันกองทุนมีการบริหารสินทรัพย์ประมาณ 5 ล้านล้านบาท หรือมากกว่า 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)