โดย รัสปูติน
HoonSmart.com “ เสนอความจริง ทุกการลงทุน” ปีที่ 1 วันที่ 14 กันยายน 2561
* สหรัฐฯจะเปิดการเจรจาการค้ากับจีนรอบใหม่ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ก็เริ่มปรับตัวอ่อนลงจาก 2.9828% ถอยลงมาอยู่ที่ 2.972% รวมถึงเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าลง ทำให้ความกังวลเรื่องเงินบาทอ่อนค่าและ Fund Flow ไหลออกก็น้อยลงไป ที่ตูข้าอยากย้ำคือ คำแนะนำก่อนหน้า…ที่ว่านรกจะจบสิ้นลง ถ้าเผลออาจจะเจอสวรรค์ของคนโง่แทน หุ้นที่สูเจ้าซื้อ ดันทำให้ขาดทุนช่วงตลาดขาขึ้น
* ไวจนเหมือนฉวยโอกาสโชว์ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2561 เพิ่มเป็น 4.4-4.8% จากเดิม 4.0-4.5% ด้านการส่งออกปีนี้คาดว่าจะโต 8.7% การนำเข้าโต 12.6% และคาดว่าทั้งปี จะเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 34.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอย่างอื่นดูดีเกินจริงไม่ว่า อัตราเงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ที่ 1.2% ค่าเงินบาทคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 31.50-33.50 บาท/ดอลลาร์ การลงทุนของภาคเอกชนเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น และรายได้ภาคเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น ปี 2562 คาดว่า GDP จะโต 4.5% พร้อมมองว่าหากมีเลือกตั้งปี 62 จะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นดีขึ้นน่าจะส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งปีหน้า…ส่วนเรื่องประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพในปี 2565 โดยคาดว่า GDP จะเติบโตแตะระดับ 5% นั้นตูข้ามองว่า ขี้โม้ชนิด พี่บาส ณ ขอนแก่น ได้อาย
* ตลาดหุ้นไทยจะแย่แค่ไหน พี/อีสูง ผลกำไรธนาคาร สื่อสาร และพลังงานถดถอย แต่ก็ยังดีกว่าตลาดอื่น ทำให้เกิดการได้เปรียบโดยเปรียบเทียบปริยาย…กรณี ธนาคารกลางตุรกีงัดใช้ไม้ตายสุดท้ายวานนี้ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเดียว 625 Bps (..พูดง่ายๆคือ6.25% ..) เป็น 24% (เดิม 17.75%) สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่จะปรับประมาณ 3-400bps เพื่อป้องกันเงินไหลออกและปัญหาเงินเฟ้อที่สูงถึง 18% (ปัจจุบันหนี้สิน ตปท. / GDP สูงกว่า 50%) ผลลัพธ์ทันทีคือ ล่าสุดค่าเงินลีร่าแข็งขึ้นมาบัดดล แต่ยากจะบอกว่าจะไม่เป็นมะเขือเผาอีก..ทำให้สาวหน้าตาบ้านๆอย่างตลาดหุ้นไทยเข้าวินได้สะดวกโยธิน
* การที่ดัชนี SET ปรับขึ้นเด่นเหนือความคาดหมายของใครต่อใครพอสมควร ยกเว้นตูข้า… ก็กองทุนสถาบันซื้อมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท และต่างชาติกลับมาซื้อหนักวันแรกเกิน 2.0 พันล้านบาท แถมยังทำ Long ที่ SET50 futures อีกกว่า 1.2 หมื่นสัญญา
* คำอธิบายที่ตื้นเขิน ซึ่งตูข้ารำคาญยามนี้ คือเสียงเตือนสติให้ระวังจังหวะของดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งผิดฝาผิดตัว เพราะดอกเบี้ยขึ้นแสดงว่าเศรษฐกิจที่แท้จริงเริ่ม”เดินหน้า”ไม่ต้องการพี่เลี้ยงจากวิศวกรรมการเงินจากธนาคารกลางในการเติมสภาพคล่องกดดอกเบี้ยเหมือนเดิมอีก เกมหุ้นจากนี้ไปจะกลับเข้าสู่สภาพ Let profit run เป็นหลัก
* หุ้นกลุ่มมาแรงวานนี้หนีไม่พ้นธนาคารที่ราคาต่ำมากใกล้เคียงบุ๊กแวลลู มาแรงตามสูตร และหากบาทยังแรงต่อหุ้นธนาคารที่ไม่รวม TMB หรือ KTB น่าจะไปต่อไม่ต้องกลัวขายทำกำไร
* ส่วนจำพวก Domestic อย่าง CPALL , STEC , BEM , PLAT และ BJC ก็น่าจะรับอานิสงส์ไปต่อได้อีก แต่อย่าหวังเลยเถิดแค่นั้น วาสนามีแค่ไหนก็เป็นไปตามนั้น คนที่วานนี้ซื้อหุ้นไม่ทัน วันนี้ยังพอมีเวลา สำหรับเลือกของดีราคาไม่แพง โดยเฉพาะ KTC และ CHG
* ยกเว้นรายนี้ เพราะกรรมแสดงเจตนาชัด KSL ร่วงสวนตลาดกว่า 3% หลังงบไตรมาส 3/61 พลิกขาดทุน เหตุราคาขายน้ำตาลลด-ค่าใช้จ่ายพุ่ง ขอให้ลืมไปก่อนว่ามีหุ้นตัวนนี้ในตลาด
* TICON มั่นใจผลงานไตรมาส 3 โตแรง แม้กำไรปกติไม่เด่น แต่วิศวกรรมการเงินมาช่วยเกื้อหนุนหนักหนา หลังขายสินทรัพย์เข้ากองรีท ตามสูตรหุ้นเสี่ยเจริญ พร้อมรับรู้ครึ่งปีหลัง 1.8 พันล้านบาท ต้องกลับไปดูต้นทุนให้ดีก่อน
* หุ้นสำหรับคนชอบของร้อน SPVI-COM7 กอดคอวิ่งแรงเตรียมรับยอดขายอื้อ! หลัง Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ขายตุลาคมนี้ แน่นอน แต่ต้องบันทึกไตรมาสสิ้นปี…อย่าเอามารวมหรือทึกทักว่าไตรมาสสามจะกำไรกระโดด
* ส่งท้ายด้วยข่าวดีรับอรุณ การที่ดาวโจนส์กลับมายืนปิดเหนือ 26,100 จุด และแนสแดกเหนือ 8,100 จุด สะท้อนว่า อเมริกากับจีนสามารถ”เกี้ยเซี้ย”กันได้บางส่วน สงครามยังไม่ถึงแตกหัก เพราะหากแตกหักจริง เงินเฟ้อในสหรัฐฯระเบิดเถิดเทิงแน่นอน
* จับตาหุ้นส่งออกให้ดี บาทแข็งเร็ว อาจจะมีอาการ“ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน”ระลอกใหม่ได้ อย่าระรื่นไป ตูข้าเตือนแล้วนะ จะบอกเอาบุญ