STA พุ่งกว่า 5% ปรับโครงสร้างธุรกิจหนุนหุ้นเทิร์นอะราวด์

นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้น STA พุ่งกว่า 5% “บล.เอเชียเวลท์” มองบวกปรับโครงสร้างธุรกิจหนุนเทิรน์อะราวด์ชัดเจน แนะ “ซื้อ” เป้า 15.50 บาท

ความเคลื่อนไหวหุ้นบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี หรือ STA เช้าวันนี้เปิดตลาดพุ่งทันทีที่ราคา 13.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 4.62% และขึ้นต่อเนื่องไปสูงสุด 13.90 บาท ต่ำสุดอยู่ที่ 13.50 บาท ณ เวลา 10.14 อยู่ที่ 13.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 4.62% มูลค่าการซื้อขาย 134.14 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท อิง PER ที่ 11 เท่า ในปี 2561 หลังจากร่วมฟังข้อมูลในงาน Opportunity Day ฉายภาพการปรับโครงสร้างธุรกิจสู่การ Turnaround ชัดเจน จึงมุมมองเป็นบวกกับ STA โดยเฉพาะในช่วง 2H61 แม้ยังมีความกังวลเรื่อง Oversupply ของยางพารา ในช่วงปี 2560-2562 แต่ STA ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจไปอิงกับธุรกิจปลายน้ำคือถุงมือยาง ซึ่งใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบการผลิต บริษัทจึงมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้น สามารถพลิกกลับจากการขาดทุนในปี 2560 มาเป็นกำไรในปี 2561 ได้ ราคาหุ้นต่ำกว่า BV ณ สิ้นไตรมาส 2/61 ที่ 15.99 บาท เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 15.50 บาท อิง PER ที่ 11 เท่า ในปี 2561

สำหรับราคายางพารายังอยู่ในภาวะกดดัน International Rubber Study Group (ISRG) คาดการณ์ยางพารายังมีภาวะ Oversupply ในช่วงปี 2560-2562 โดยในปี 2560 เกิด Supply Surplus ในระดับราว 0.314 ล้านตัน ในปี 2561 เกิด Supply Surplus 0.307 ล้านตัน และในปี 2562 เกิด Supply Surplus 0.292 ล้านตัน ตามลำดับ เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคายางพารายังคงตกต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากภาวะยางพารารุ่งเรืองอย่างมาก ซัพพลายโลกขาดแคลน ในช่วงปีนั้น เนื่องจากประเทศมาเลเซียเลิกพื้นที่ปลูกยางพารา และหันไปปลูกปาล์มน้ำมันแทน ทำให้ราคายางพาราดีขึ้น ประเทศไทยจึงได้รับอานิสสงค์จากซัพพลายของมาเลเซียหายไป จึงหันมาปลูกยางพารากันมากในช่วง 2553 ยางพาราที่ปลูกมากเมื่อ 7 ปีก่อน เริ่มออกผลผลิตมาในช่วงปี 2560-2562 ทำให้เกิดภาวะล้นตลาดมากที่สุดในช่วงปี 2560-2562 ซัพพลายยางล้นตลาดและราคายางที่ตกต่ำ กระทบต่ออุตสาหกรรมยางแปรรูปของ STA ในส่วนยางแท่ง ยางแผ่น และน้ำยางข้น

STA ปรับโครงสร้างธุรกิจหันไปสู่ธุรกิจถุงมือยางมากขึ้น: STA สามารถบริหารจัดการให้ธุรกิจหันมาอิงกับ Downstream Operations คือ ถุงมือยาง ทำให้ในช่วงปี 2561-2562 นี้ ความน่าสนใจของธุรกิจ STA อยู่ที่ธุรกิจถุงมือยาง เราเชื่อว่าบริษัทยังทำกำไรจากธุรกิจถุงมือยางได้ดี ในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำ ผลประกอบการของ STA ในงวด 1H61 มีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นกำไรสุทธิที่มาจากธุรกิจยางแปรรูป 60% และธุรกิจถุงมือยาง 40% ของกำไรทั้งหมด ในขณะที่สัดส่วนรายได้รวมของ STA มาจากยางแปรรูปมากถึง 85% และถุงมือยางเพียง 15% การที่ STA เพิ่มไลน์สินค้าถุงมือยางที่มีมาร์จิ้นดีกว่าธุรกิจดั้งเดิมคือยางแปรรูปนั้น ทำให้ทิศทางกำไรของ STA ดีขึ้น ไม่เผชิญกับความผันผวนของราคายางพารามากเหมือนช่วง 2 ปีก่อน โดย STA ได้เตรียมแผนการเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเป้าหมายจะมีกำไรจากธุรกิจถุงมือยางเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 50% ของกำไรทั้งหมด และลดสัดส่วนกำไรจากธุรกิจแปรรูปยางจาก 60% เป็น 50%

แผนการเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2561 ธุรกิจกลางน้ำ: STA เตรียมเปิดโรงงานใหม่ที่สกลนคร ขนาดกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี เป็นโครงการที่เปิดดำเนินงานล้าช้าจากปีที่แล้ว นอกจากนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำยางข้น ขนาด 130,000 ตันต่อปี เพื่อเป็นวัตถุดิบรองรับการขยายตัวของธุรกิจปลายน้ำคือถุงมือยาง

ธุรกิจปลายน้ำ จะมีการขยายกำลังการผลิตถุงมือยางที่โรงงานที่หาดใหญ่ อีก 1.5 พันล้านชิ้นต่อปี และโรงงานที่สุราษฎร์ธานีอีก 1.7 พันล้านชิ้นต่อปี รวมเพิ่มกำลังการผลิตราว 3.2 พันล้านชิ้นต่อปี ทำให้กำลังการผลิตรวมของถุงมือยางเพิ่มจากสิ้นปีที่ 14 พันล้านชิ้นต่อปี เป็น 17.2 พันล้านชิ้นต่อปี นอกจากนี้ มีแผนซื้อโรงงานถุงมือยางที่ทันสมัยมีเทคโนโลยีสูงในประเทศไทย คือ Thaikong Co., Ltd. มีกำลังการผลิต 4 พันล้านชิ้นต่อปี ดีลสำเร็จประมาณ เม.ย.62 คาดว่าจะให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 21.2 ล้านชิ้นต่อปี แต่ตามสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจถุงมือยางของกลุ่ม STA ที่ 81% ของกลุ่มธุรกิจ STA จะกลายเป็น 17.2 พันล้านชิ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

“เรายังไม่ได้มีความคาดหวังที่ยาวไกลมากนักกับ STA เนื่องจากซัพพลายของยางพาราที่สูง และราคายางพาราที่ต่ำมาก ทำให้ STA จะประคองธุรกิจแปรรูปยางพาราไปได้เรื่อย ๆ มีกำไรได้บ้างแต่ไม่ขาดทุนหนักเหมือนช่วงปีก่อน แต่ในระยะปี 2561-2562 เรากลับมามุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจถุงมือยางของ STA น่าจะเป็นกิจการที่ทำให้กลุ่มบริษัท STA มีกำไรที่ดีขึ้นได้ เนื่องจากถุงมือยางมีการเติบโตของดีมานด์ที่ดีมาก คาดหวังว่าปีหน้ากำไรสุทธิจากธุรกิจถุงมือยางจะเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 50% ของกำไรสุทธิทั้งหมดได้ เรายังคงแนะนำซื้อ”บล.เอเชียเวลท์ ระบุ