ทริสจับตา CPN หาเงินซื้อ GLAND รอประเมินเรทติ้งใหม่

“ทริสเรทติ้ง” ประกาศเครดิตพินิจ “ยังไม่ชัดเจน” องค์กร-หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน CPN รอประเมินโครงสร้างทุนและผลกระทบสถานะการเงินหลังเข้าซื้อหุ้น GLAND พร้อมปรับเพิ่มแนวโน้มเครดิต GLAND เป็น “บวก” จาก “คงที่”

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” หรือ “ยังไม่ชัดเจน” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ “AA” ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ บริษัท ซีพีเอ็น พัทยา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดได้ทำการซื้อหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 50.43% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 ซึ่งการทำธุรกรรมดังกล่าวคิดเป็นจำนวนเงิน 10,162 ล้านบาท ต่อมาบริษัทซีพีเอ็น พัทยา ได้ยื่นแบบแสดงเจตนาในการจะซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของบริษัทแกรนด์ คาแนล แลนด์ (49.57%) ในจำนวนวงเงินไม่เกิน 9,987 ล้านบาทซึ่งคิดจากราคาซื้อขายหุ้นที่จำนวนหุ้นละ 3.1 บาท โดยเวลาสิ้นสุดการทำคำเสนอซื้อคือวันที่ 31 ตุลาคม 2561 นี้

ทั้งนี้ หากบริษัทซื้อหุ้น 100% ของบริษัทแกรนด์ คาแนล แลนด์ การทำธุรกรรมดังกล่าวจะคิดเป็นจำนวนเงินโดยประมาณที่ 20,149 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะใช้เงินกู้ในการซื้อหุ้นดังกล่าว

ทริสเรทติ้ง มองว่าการซื้อหุ้นของบริษัทแกรนด์ คาแนล แลนด์ (GLAND) จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทจากการที่บริษัทแกรนด์ คาแนล แลนด์ มีอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่ดีหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งจำเป็นจะต้องทำการประเมินโครงสร้างเงินทุนของบริษัทและผลกระทบจากการซื้อหุ้นดังกล่าวว่าจะมีผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทอย่างไรต่อไป

ทริสเรทติ้งจะทำการเปลี่ยนแปลงเครดิตพินิจของบริษัทอีกครั้งเมื่อการทำคำเสนอซื้อหุ้นสิ้นสุดลงและเมื่อทริสเรทติ้งได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบที่จะมีต่อสถานะเครดิตของบริษัทจากการทำธุรกรรมดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนแล้วต่อไป

พร้อมกันนี้ทริสเรทติ้งเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ (GLAND) เป็น “Positive” หรือ “บวก” จาก “Stable” หรือ “คงที่” และคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB-” เช่นเดิมโดยสืบเนื่องมาจากการที่บริษัทได้ประกาศเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 ว่ากลุ่มเจริญกฤษซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 50.43% ได้ขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทให้แก่ บริษัท ซีพีเอ็น พัทยา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัทซีพีเอ็น พัทยา ได้ยื่นแบบเพื่อแสดงเจตนาในการซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ ระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 นี้

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นภายหลังจากที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา (ได้รับอันดับเครดิต “AA/Developing Alert” จากทริสเรทติ้ง) โดยธุรกิจของบริษัทมีความสอดคล้องกับธุรกิจของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา บริษัทมีที่ดินเปล่าในทำเลที่ดีหลายแห่งซึ่งทริสเรทติ้งเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาในอนาคต

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอของบริษัทจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและการมีภาระหนี้ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีความเสี่ยงจากการมีผู้เช่าจำนวนน้อยราย รวมทั้งการมีอาคารสำนักงานให้เช่าจำนวนน้อย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนการสนับสนุนที่บริษัทจะได้รับจากการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา อีกทั้งการซื้อกิจการในครั้งนี้น่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ทั้งสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง โอกาสในการปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทนั้นมีจำกัด ในขณะที่อันดับเครดิตน่าจะปรับเพิ่มขึ้นเมื่อการทำคำเสนอซื้อหุ้นสิ้นสุดลงและทริสเรทติ้งสามารถประเมินสถานะของบริษัทได้เมื่อมีการรวมธุรกิจกับกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา