บลจ.ไทยพาณิชย์ ชี้เป้าดัชนีปีหน้า 2,000 จุด เฉลี่ย 8 โบรกฯ ให้ 1,941.2 จุด

บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ดัชนีหุ้นไทยปีหน้า 2,000 จุด ขณะที่โบรกเกอร์อีก 8 แห่งให้เป้าหมายเฉลี่ย 1,941.2 จุด ฟันธงหุ้นจะขึ้นก่อนเลือกตั้ง 3-4 เดือน แนะซื้อหุ้นต้นไตรมาส 4 ขายปลายไตรมาส 1 ให้ผลตอบแทนดีสุด

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM กล่าวว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ ประมาณการดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,820-1,850 จุด โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีอัตราการเติบโต (EPS Growth) 9% และปี 2562 อยู่ที่ 2,000 จุด EPS Growth 10%

นอกจากนี้จากการสำรวจประมาณการดัชนีของบริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์อื่นๆ อีก 8 แห่งพบว่า มีเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปี 2562 อยู่ที่ 1,941.2 จุด

“รอบนี้ถ้านักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อ เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยที่ 2,000 จุด อาจจะน้อยเกินไป เพราะในปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยอยู่ไม่มาก หลังจากขายต่อเนื่องมาแล้ว 4 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า ในเวลานี้นักลงทุนต่างชาติคอยมองหุ้นไทยอยู่ เนื่องจากประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่มือยังไม่ล้วงกระเป๋าออกมาซื้อ ซึ่งน่าจะกำลังรอเหตุผลที่จะกลับเข้ามาซื้ออยู่” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

น.ส.จารุภัทร ทองลงยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการลงทุนตราสารทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า จากการศึกษาสถิติการเลือกตั้งในอดีตพบว่า ก่อนการเลือกตั้งประมาณ 3-4 เดือนตลาดหุ้นไทยจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากวันเลือกตั้งจะปรับลดลงในระยะสั้นก่อนจะปรับเพิ่มขึ้นในระยะยาว

“ถ้าซื้อตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้งประมาณ 3-4 เดือนแล้วไปขายวันเลือกตั้งจะได้กำไร แต่ถ้าซื้อวันเลือกตั้งต้องถือรอไปอย่างน้อย 3 เดือน ตลาดหุ้นถึงจะกลับมา” น.ส.จารุภัทร กล่าว

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง คือ พาณิชย์ สื่อ อาหาร อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร และกลุ่มที่เกี่ยวยอดขายรถจักรยานยนต์ โดยกลุ่มรถจักรยานยนต์จะได้ประโยชน์ต่อเนื่องไปจนถึงหลังการเลือกตั้งไปอีก 2-3 ปี รวมทั้งกลุ่มที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาครัฐ และค้าปลีก

นอกจากนี้ น.ส.จารุภัทร กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 4 เป็นจังหวะดีสำหรับการลงทุน เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของหลายๆ ปัจจัย เช่น การท่องเที่ยว ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การปรับน้ำหนักลงทุนในดัชนี MSCI เม็ดเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

“ตลาดหุ้นไทยมักจะตกในช่วงไตรมาส 2 และกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในไตรมาส 3 เฉลี่ย 3.8% และไตรมาส 4 เฉลี่ย 2.5% โดยจะขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1 ปีถัดไปเฉลี่ย 7.3% เพราะฉะนั้นถ้าซื้อหุ้นตอนนี้ (ต้นไตรมาส 4) และไปขายปลายไตรมาส 1 มักจะได้กำไร” น.ส.จารุภัทร กล่าว

นอกจากนี้ น.ส.จารุภัทร กล่าวอีกว่า ในปีนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีก